คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1802/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบมอบอำนาจทำในเมืองต่างประเทศ ลงชื่อผู้มอบและผู้รับมอบกับมีสามีโจทก์ผู้มอบลงชื่ออนุญาตยินยอมในการนี้และมีพยานลงชื่อรับรอง ทั้งมีกงสุลรักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ไทยเมืองเจด่าห์ลงชื่อรับรองว่า ตัวโจทก์ผู้มอบอำนาจได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าตนโดยมีตราตำแหน่งกงสุลประทับ แม้จำเลยต่อสู้เกี่ยวกับใบมอบอำนาจว่าจำเลยไม่รับรองและอาจจะไม่เป็นดังนั้น ดังนี้ และว่าประเทศอาหรับไม่มีกงสุลสยามและไม่มีบุคคลตามที่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 บัญญัติไว้ลงชื่อเป็นพยาน เช่นนี้ศาลเห็นได้เองว่าไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะไม่ใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริง
เมื่อจำเลยคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนนั้นด้วยไม่ได้คัดค้านความแท้จริงของคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันกับคดีใหม่นี้ และคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนก็ได้อ่านและจำเลยก็ทราบแล้ว จำเลยจะมาอ้างในคดีใหม่นี้ว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนได้มรณะ และโจทก์ยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินคดีแทนเช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเรื่องเช่นว่านั้นเป็นเรื่องของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลย คำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่
ตัวโจทก์จำเลยในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคู่ความคู่กันคดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยในคดีใหม่นี้ในส่วนที่เกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนั้นด้วย จำเลยจะมาอ้างเหตุว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนกับในคดีใหม่นี้เป็นคนละคนกัน จะเอาคำพิพากษาคดีก่อนมาใช้กับคดีใหม่นี้ ไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคนเดียวกัน เป็นแต่ผู้รับมอบอำนาจต่างคนกันเท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้คู่ความรับกันว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่นาอยู่ในขณะนี้ค่าเช่านาพิพาทไร่ละ 3 ถังต่อปี ข้าว 1 ถังราคา 6.50 บาท ที่นาทั้งสองแปลงเนื้อที่ 78 ไร่ 1 งาน 96 วา โจทก์จำเลยรับว่าที่ปลูกนั้นของจำเลยอยู่ในโฉนดเลขที่ 2015 ของฝ่ายจำเลย โจทก์จึงไม่ติดใจบังคับตามคำขอท้ายฟ้องข้อ 2 คือที่ขอให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินโฉนดที่ 2014 ต่อไปและคู่ความรับว่าที่พิพาทในสำนวนนี้เป็นที่แปลงเดียวกับที่พิพาทในสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 147/2496 ของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ปีละ 1,530 บาท 55 สตางค์ 5 ปี รวม 7,652 บาท 75 สตางค์และค่าเสียหาย ปีละ 1,530 บาท 55 สตางค์ จนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่พิพาท

ในข้อกฎหมายศาลวินิจฉัยว่า ใบมอบอำนาจลงชื่อผู้มอบและผู้รับมอบกับมีสามีโจทก์ผู้มอบลงชื่ออนุญาตยินยอมในการนี้ และมีพยานลงชื่อรับรอง ทั้งมีกงสุลรักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ไทยเมื่อเจดาห์ลงชื่อรับรองว่าตัวโจทก์ผู้มอบอำนาจได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าตนโดยมีตราตำแหน่งกงสุลประทับเป็นสำคัญ ศาลไม่เห็นมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะไม่ใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริง และตามคำให้การต่อสู้ของจำเลยก็ไม่ได้ยกเหตุข้อสงสัยอันสมควรแต่อย่างใด นอกจากว่าจำเลยไม่รับรองและอาจจะไม่เป็นดังนั้นดังนี้ ข้อที่ว่าประเทศอาหรับไม่มีกงสุลสยามและไม่มีบุคคลตามที่ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 47 บัญญัติไว้ลงชื่อเป็นพยานนั้น ตาม มาตรา 47 หมายถึงกรณีที่ศาลมีเหตุอันควรสงสัยเท่านั้น แต่คดีนี้ศาลไม่มีเหตุอันควรสงสัยใบมอบอำนาจนี้ ฎีกาจำเลยข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น

ข้อที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาในสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 147/2496 เป็นโมฆะนั้น ข้อนี้จำเลยไม่ได้คัดค้านความแท้จริงของคำพิพากษานั้นแต่อย่างใด และคำพิพากษาดังกล่าวก็ได้อ่านและจำเลยก็ทราบแล้ว ส่วนที่ว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ได้มรณะ โจทก์ยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินคดีแทนนั้น ก็เป็นเรื่องของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลยคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่

ส่วนข้อฎีกาว่าคดีนี้จำเลยต่อสู้ว่านาพิพาทเป็นของจำเลยโดยจำเลยครอบครองมา 30 ปีแล้ว ในคดีก่อนคือคดีแดงที่ 147/2496นายหะยีอิ่นเป็นผู้รับมอบอำนาจโจทก์ นางแมะเป็นจำเลย โจทก์จำเลยคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคนละคนกัน จะเอาคำพิพากษาคดีก่อนมาใช้กับคดีนี้หาได้ไม่ ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคนเดียวกัน เป็นแต่ผู้รับมอบอำนาจต่างคนกันเท่านั้น

Share