คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1802/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อำเภอเปรียบเทียบให้ที่นาและที่สวนเป็นสิทธิแก่ฝ่ายจำเลยแต่ปรากฏว่า ที่นาและที่สวนนี้เป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และมารดาโจทก์ร่วมกัน เมื่อมารดาโจทก์แต่ผู้เดียวได้ยินยอมตามที่อำเภอเปรียบเทียบการยินยอมนั้นย่อมไม่ชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546
อย่างไรก็ดี เมื่อฝ่ายจำเลยได้ครอบครองที่นาและที่สวนพิพาทนี้มาเกิน 1 ปีแล้วฝ่ายจำเลยก็ได้สิทธิครอบครองที่นาพิพาท เพราะเป็นที่มือเปล่า ส่วนที่สวนโจทก์ฟ้องเรียกคืนได้ เพราะจำเลยยังครอบครองไม่ถึง 10 ปี
ประเด็นข้อที่ว่ามารดาไม่มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุตรตามที่อำเภอเปรียบเทียบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1546 นั้น เป็นเรื่องกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้เยาว์และเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่นาและที่สวนพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ ได้มาโดยได้รับมรดกจากนายชูสามี นางชุ้น และบิดา ด.ช.ช่วง ด.ญ.ช้อย

จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์สละสิทธิครอบครองที่พิพาท และจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองมาหลายปีแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่สวน ส่วนที่นาให้ยกฟ้อง

โจทก์และจำเลยต่างฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายชูตายแล้ว นางชุ้นโจทก์ ผู้เป็นมารดา ด.ช.ช่วง ด.ญ.ช้อย ได้ตกลงยินยอมให้ที่นาและที่สวนเป็นสิทธิแก่ฝ่ายจำเลยตามที่อำเภอเปรียบเทียบ แม้การให้ความยินยอมจะไม่ชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ก็ดี แต่ฝ่ายจำเลยได้เป็นผู้ครอบครองที่นามือเปล่ามาตั้งแต่ต้นที่อำเภอเปรียบเทียบจำเลยจึงได้สิทธิครอบครองที่นานั้นแล้ว ส่วนที่สวนนั้น จำเลยครอบครองมายังไม่ถึง 10 ปีโจทก์ยังไม่ขาดกรรมสิทธิ์ จำเลยจะอ้างว่าเป็นของจำเลยยังไม่ได้

ส่วนที่ว่า โจทก์ไม่ได้ยกเรื่อง มารดาไม่มีอำนาจจะให้ความยินยอมแทนบุตรตามที่อำเภอเปรียบเทียบเป็นข้ออ้างมาแต่ต้นศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องกระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้เยาว์ และเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 826/2492

จึงพิพากษายืน

Share