แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับจำเลยทะเลาะกัน แล้วผู้ตายถือไม้ยาวแค่แขนมายืนท้าทายอยู่ที่หน้าเรือนให้จำเลยลงไปตีกัน จำเลยเข้าไปหยิบปืนจากในเรือนลงเรือนไป อีก 1 วาจะถึงผู้ตาย ผู้ตายเงื้อไม้ขึ้นจะตี จำเลยจึงยิงผู้ตายดังนี้ จำเลยจะอ้างว่ากระทำไปด้วยบันดาลโทสะไม่ได้ เพราะจำเลยสมัครใจต่อสู้มาแต่แรก และมิได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อน
ย่อยาว
จำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 13 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2512
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2511 เวลา 18.00 นาฬิกา จำเลยบังอาจมีปืนแก๊ปยาว 1 กระบอกใช้ยิงได้ ไม่มีเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนนั้นยิงนายหวัน ขันเชียง 1 นัด กระสุนปืนถูกใต้ราวนมทะลุกระดูกสันหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเลยเจตนาจะฆ่าให้ตาย นายหวัน ขันเชียงทนพิษบาดแผลที่จำเลยยิงไม่ไหว ได้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังปรากฏบาดแผลตามรายงานชันสูตรพลิกศพของแพทย์และเจ้าพนักงานท้ายฟ้อง เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลนาเฉลียง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ริบปืนของกลาง
จำเลยให้การว่า ได้ใช้ปืนยิงนายหวันตายจริง แต่เป็นการป้องกันตัวเพราะนายหวันกับพวก 2 คน ขึ้นบนบ้านจำเลยนายหวัน เอาไม้รวกท่อนใหญ่ตีจำเลย จำเลยหลบจึงไม่ถูก จำเลยก็เลยใช้ปืนยิงนายหวัน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายหวันผู้ตายโดยเจตนาจะฆ่า นายหวันถูกกระสุนปืนของจำเลยถึงแก่ความตายจริง ส่วนข้อหาว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์ไม่นำสืบ จึงลงโทษจำเลยในข้อหาฐานนี้ไม่ได้พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุกจำเลย 15 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้จำเลย 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ 10 ปี ริบปืนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้ว ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า นายกวย กันยาประสิทธิ์ แบ่งที่ไร่ให้นายหวัน ขันเชียง ผู้ตายและจำเลย ซึ่งเป็นบุตรเขยด้วยกันคนละ 25 ไร่ วันเกิดเหตุเวลา 18.00 นาฬิกา ผู้ตายกับจำเลยทะเลาะกัน เพราะผู้ตายวัดเอาที่ไร่เกินเข้าไปในส่วนของจำเลย นายกวยบอกว่าจะวัดแบ่งให้ทีหลัง แต่คนทั้งสองไม่เชื่อผู้ตายถือไม้ยาวแค่แขนไปยืนอยู่ที่พื้นดินหน้าเรือนจำเลย ร้องท้าทายจำเลยให้ลงไปตีกัน 3-4 ครั้ง จำเลยเข้าไปหยิบปืนจากในเรือนลงเรือนไป อีก 1 วาจะถึงผู้ตาย ผู้ตายเงื้อไม้ขึ้นจะตี จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ทิ้งปืนไว้แล้ววิ่งหนีไป นายภักดิ์เข้าประคองผู้ตาย ผู้ตายถูกยิงมีบาดแผลที่หน้าอกใต้นมได้นำผู้ตายขึ้นรถยนต์เพื่อส่งโรงพยาบาลจังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ไปถึงตลาดนาเฉลียงผู้ตายก็ขาดใจตาย จึงนำศพผู้ตายกลับบ้าน เจ้าพนักงานได้ทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตายไว้ในคืนวันเกิดเหตุชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ
จำเลยนำสืบว่า วันเกิดเหตุ จำเลยกำลังคุยกับนายสอนอยู่ที่บ้านจำเลย ผู้ตายถือไม้ตะบองเข้ามาตีจำเลย จำเลยหลบและวิ่งเข้าเรือนจะไปเอาปืน ผู้ตายวิ่งไล่ตาม จำเลยหยิบปืนได้ผู้ตายเข้าแย่งโดยจับทางปากกระบอกปืน ปืนลั่นถูกผู้ตาย ผู้ตายแย่งปืนได้วิ่งไปที่บันไดและล้มตกบันไดลงไป จำเลยไปแจ้งความตำรวจแล้วถูกตำรวจคุมตัวไปสถานีตำรวจ
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาว่า จำเลยยิงผู้ตายโดยป้องกันตัวแต่เมื่อจำเลยนำสืบกลับนำสืบว่า ผู้ตายเอาไม้ตีจำเลย จำเลยหลบแล้ววิ่งไปหยิบปืนในเรือน ผู้ตายเข้าแย่งโดยจับปากกระบอกปืน ปืนลั่นถูกผู้ตายข้อนำสืบของจำเลยเป็นคนละอย่างแตกต่างจากที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้และฎีกาขึ้นมา จึงรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงในคดีนี้ ศาลฎีกาเชื่อตามคำของนางสลิตภรรยาจำเลย ซึ่งเป็นพยานโจทก์ว่า ผู้ตายถือไม้ยาวแค่แขนไปยืนท้าทายอยู่หน้าเรือนจำเลยให้จำเลยออกไปตีกัน จำเลยเข้าไปหยิบปืนในเรือน ลงเรือนไปอีก 1 วาจะถึงผู้ตาย ผู้ตายเงื้อไม้ขึ้นจะตี จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยดังนี้เป็นการสมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกับผู้ตาย ทั้งนี้มีสาเหตุเนื่องมาจากผู้ตายกับจำเลยทะเลาะโต้เถียงเรื่องแย่งที่ไร่ ซึ่งต่างได้รับแบ่งมาจากนายกวยพ่อตาด้วยกันมาก่อน จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยกระทำไปด้วยบันดาลโทสะก็ฟังไม่ได้ เพราะจำเลยสมัครใจต่อสู้มาแต่แรกจำเลยมิได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมก่อนแล้วจำเลยจึงทำร้ายผู้ตาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย