คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่ดินที่มีโฉนดเป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ว่าเป็นที่ดินของโจทก์ที่ทางราชการออกโฉนดก็โดยมีความประสงค์จะออกให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดแม้ฉ.ซึ่งมิใช่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินจะได้ขอออกโฉนดและทางราชการได้ออกให้แก่ฉ. ก็ตามฉ. ก็หาได้เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดไม่เมื่อฉ.มิได้เป็นเจ้าของที่ดินฉ. จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดถือโฉนดไว้ได้โจทก์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงย่อมมีอำนาจติดตามเอาโฉนดซึ่งเป็นเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์กลับคืนมาได้จำเลยซึ่งเป็นผู้ยึดถือโฉนดไว้แทนฉ. จึงต้องส่งคืนให้แก่โจทก์ ฉ. ส่งมอบโฉนดให้แก่จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้แต่หนี้เงินกู้มิได้เป็นหนี้ที่เป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวกับโฉนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา241จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3854ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด โดยการครอบครองเดิมนางเฉลียว สุขอุทัย มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินดังกล่าวต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2530 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนชื่อนางเฉลียวออกจากโฉนดที่ดินและให้ใส่ชื่อโจทก์ลงไปแทน หากนางเฉลียวไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาปรากฏตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 117/2530ของศาลชั้นต้นโจทก์ติดต่อให้นางเฉลียวส่งมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์เพื่อนำไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในสารบบการครอบครองที่ดินเป็นของโจทก์ แต่โฉนดที่ดินดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลย เนื่องจากนางเฉลียวนำไปเป็นหลักประกันการกู้เงินจากจำเลย โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉยการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถนำโฉนดที่ดินดังกล่าวไปขอกู้เงินจากสหกรณ์การเกษตรจังหวัดตราดซึ่งเสียดอกเบี้ยต่ำ โจทก์ต้องไปขอกู้เงินจากผู้มีชื่อทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกเป็นเงิน 2,376 บาท ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 4854 ตำบลท่าพริกอำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด และให้จำเลยชำระเงินจำนวน2,376 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า นางเฉลียว สุขอุทัย เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 4854 ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราดจังหวัดตราด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2528 นางเฉลียวกู้เงินจากจำเลยและมอบโฉนดที่ดินดังกล่าวให้จำเลยไว้เป็นประกัน ก่อนที่โจทก์จะฟ้องนางเฉลียว โฉนดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นของนางเฉลียวโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยยึดถือไว้โดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย จึงมีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินดังกล่าวจนกว่าจะได้รับชำระหนี้จากนางเฉลียวขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่าให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 4854 ตำบลท่าพริกอำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด แก่โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า นางเฉลียวสุขอุทัย มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดฉบับพิพาทเลขที่4854 ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ต่อมานางเฉลียวได้มอบโฉนดฉบับดังกล่าวให้แก่จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ภายหลังโจทก์ได้ฟ้องนางเฉลียวขอให้เพิกถอนชื่อออกจากโฉนดและใส่ชื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่แท้จริงลงไปแทน ทั้งศาลได้พิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินตามโฉนดฉบับพิพาทเป็นของโจทก์ ให้นางเฉลียวเพิกถอนชื่อออกจากโฉนดหากไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของนางเฉลียวโจทก์ได้ให้นางเฉลียวส่งมอบโฉนดฉบับพิพาทแก่โจทก์เพื่อนำไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาของศาลแต่โฉนดฉบับดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยและจำเลยไม่ยอมส่งมอบให้แก่โจทก์ คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยจะต้องส่งมอบโฉนดฉบับพิพาทให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ที่ดินที่มีโฉนดฉบับพิพาทเป็นหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์เป็นที่ดินของโจทก์ ที่ทางราชการออกโฉนดฉบับพิพาทขึ้นมาก็โดยมีความประสงค์จะออกให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดฉบับดังกล่าว ดังนั้น แม้นางเฉลียวซึ่งมิใช่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินจะได้ขอออกโฉนดฉบับพิพาท และทางราชการได้ออกให้แก่นางเฉลียวก็ตาม นางเฉลียวก็หาได้เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดฉบับดังกล่าวไม่ เมื่อนางเฉลียวมิได้เป็นเจ้าของที่ดิน นางเฉลียวจึงไม่มีสิทธิที่จะยึดถือโฉนดฉบับดังกล่าวไว้ได้โจทก์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงย่อมมีอำนาจติดตามเอาโฉนดซึ่งเป็นเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์กลับคืนมาได้ ด้วยเหตุนี้จำเลยซึ่งเป็นผู้ยึดถือโฉนดฉบับพิพาทไว้แทนนางเฉลียวจึงต้องส่งคืนให้แก่โจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่านางเฉลียวส่งมอบโฉนดฉบับพิพาทให้แก่จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ จำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 นั้น เห็นว่า หนี้เงินกู้มิได้เป็นหนี้ที่เป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวกับโฉนดฉบับพิพาทตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงดังที่จำเลยฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share