แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันในการที่โจทก์ร่วมให้สินเชื่อซื้อยาปราบศัตรูฝ้ายและพืช โดยเมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามเช็คจำเลยจะซื้อดราฟท์ส่งไปให้โจทก์ร่วม และโจทก์ร่วมก็จะคืนเช็คพิพาทให้ ดังนี้ แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท จำเลยก็หามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 ไม่ ข้อความในมาตรา 3(1) ที่ว่า “โดยเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค” ย่อมเป็นความผิดหมายความว่าเมื่อออกเช็คนั้นผู้สั่งจ่ายต้องมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินในเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินหาได้หมายความว่าหากคู่กรณีตกลงกันไม่ให้นำเช็คไปขึ้นก็จะต้องเป็นความผิดไปด้วยไม่
ย่อยาว
คดีทั้ง ๑๗ สำนวนนี้ ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยโจทก์ทั้ง ๑๗ สำนวนฟ้องว่า จำเลยออกเช็คพิพาท ๑๗ ฉบับ สั่งจ่ายเงินให้แก่บริษัทยูเอส.สัมมิท(โอเวอร์ซีส์) จำกัด สาขากรุงเทพฯ ผู้เสียหาย เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อยาปราบศัตรูพืช แต่เช็คดังกล่าวธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกินจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยทั้ง ๑๗ สำนวนให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นคนเดียวกันทุกสำนวน
บริษัทยูเอส.สัมมิท(โอเวรอ์ซีส์)จำกัด สาขาประเทศไทย ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมทั้ง ๑๗ สำนวน
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีการับวินิจฉัยให้เฉพาะที่โจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาแล้วว่า เช็คพิพาททั้ง ๑๗ ฉบับนี้ จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อเป็นประกันในการที่โจทก์ร่วมให้สินเชื่อซื้อยาปราบศัตรูฝ้ายและพืช นอกจากเช็ค ๑๗ ฉบับนี้แล้ว จำเลยยังต้องจำนองที่ดินเป็นประกันอีกด้วย เมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามเช็ค จำเลยจะซื้อดราฟท์ส่งไปให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมก็จะคืนเช็คพิพาทให้ และโจทก์ร่วมก็ได้คืนเช็คให้จำเลยตามเอกสารหมาย ล.๑๑-๑๒-๑๓-๑๔-๑๕-๑๖-๑๗-๑๘-๑๙-๒๐-๒๑-๒๒-๒๓-๒๔ และ ล. ๒๕ มาแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงของคดีฟังได้เช่นนี้ จำเลยก็หามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ดังโจทก์ฟ้องไม่ จริงอยู่แม้ข้อความในมาตรา ๓(๑) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คบัญญัติว่า “โดยเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค” ย่อมเป็นความผิดหมายความว่าเมื่ออกเช็คนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นเรื่องที่โจทก์เข้าใจผิดเพราะข้อความดังกล่าวนั้น หมายความว่าเมื่ออกเช็คน้นผู้สั่งจ่ายต้องมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินในเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินหาได้หมายความว่าหากคู่กรณีตกลงกันไม่ให้นำเช็คไปขึ้น(เพราะออกเพื่อประกันคุยคดีนี้)ก็จะต้องเป็นความผิดไปด้วยไม่ คำพิพากษาฎีกาต่าง ๆ ที่โจทก์ร่วมอ้างมา รูปคดีไม่ตรงกับคดีนี้ กล่าวคือ คำพิพากษาฎีกาทั้ง ๓ เรื่องที่โจทก์อ้างมานั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายโดยจำเลยมีเจตนาจะให้มีการขึ้นเงินตามเช็คเหล่านั้น ฉะนั้น แม้จะออกมาในรูปค้ำประกันหรือกันก็ตาม เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยก็ต้องมีความผิดเช่นเดียวกัน หาใช่ว่าเมื่อจำเลยออกเช็คมาแล้วโดยสมัครใจ และโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงโดยชอบ หากขึ้นเงินหรือเรียกเก็บเงินไม่ได้ด้วยประการใด จำเลยก็ต้องมีความผิดเสมอ แม้จะเป็นเรื่องออกเช็คเพื่อประกันก็ตามดังข้อฎีกาของโจทก์ไม่
พิพากษายืน