คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312 เฉพาะตัวโรงเรือนที่สร้างรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตเท่านั้นที่ได้รับความคุ้มครอง รั้วกำแพงที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ก่อสร้างรุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสองย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติดังกล่าว ทั้ง ป.พ.พ. มาตรา 1314 ก็ไม่ได้บัญญัติให้นำมาตรา 1312 มาบังคับ
เมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ก่อสร้างรั้วอันเป็นการละเมิดโจทก์ทั้งสองจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสอง จะอ้างว่าได้ขายและส่งมอบที่ดินให้บุคคลภายนอกไปหมดแล้วมาเป็นข้อแก้ตัวหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสิบเอ็ดรื้อถอนรั้วกำแพงออกจากที่ดินโจทก์ทั้งสองและให้ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ทั้งสองในสภาพเรียบร้อย หากไม่รื้อถอนให้โจทก์ทั้งสองมีอำนาจรื้อถอนโดยให้จำเลยทั้งสิบเอ็ดร่วมกันรับผิดชอบในค่าใช้จ่าย ห้ามจำเลยทั้งสิบเอ็ดเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ทั้งสอง และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท และต่อไปอีกเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสิบเอ็ดจะรื้อถอนรั้วกำแพงออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสอง
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า รั้วกำแพงดังกล่าวมิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสอง หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าแนวรั้วกำแพงรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองก็ชอบที่จะเรียกค่าใช้ที่ดินจากจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๑๑ และจดทะเบียนภาระจำยอมโจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๒ คดีโจทก์ทั้งสองขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๔ ให้การและฟ้องแย้งว่า ตามข้ออ้างของโจทก์ทั้งสองส่วนที่รุกล้ำแท้ที่จริงเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนไม่ใช่รั้วกำแพง หากจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ก่อสร้างโรงเรือนรุกล้ำก็เป็นการรุกล้ำโดยสุจริต จำเลยที่ ๔ มิได้ร่วมก่อสร้างด้วยและรับโอนโดยสุจริต จึงไม่ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ทั้งสองให้ร่วมกันจดทะเบียนภาระจำยอมที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๓๗๕๓๙ เฉพาะส่วนที่รุกล้ำให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๑๙๙๐๒ และ ๒๑๙๙๐๓ ของจำเลยที่ ๔ หากโจทก์ทั้งสองไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสองเป็นรั้วกำแพง จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ก่อสร้างรั้วกำแพงดังกล่าวรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองโดยไม่สุจริต การที่จำเลยที่ ๔ ซื้อที่ดินพร้อมด้วยตึกแถวมาจึงเป็นการซื้อโดยไม่สุจริตเช่นกัน จำเลยที่ ๔ ต้องรื้อถอนรั้วกำแพงส่วนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสอง และโจทก์ทั้งสองไม่ต้องไปจดทะเบียนภาระจำยอมให้แก่จำเลยที่ ๔ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยที่ ๓ และจำเลยที่ ๕ ถึงที่ ๑๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๖ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง เมื่อชำระแล้วให้โจทก์ทั้งสองจดทะเบียนภาระจำยอมที่ดินตามบริเวณพื้นที่สีเหลืองในแผนที่วิวาทแผ่นที่ ๓ ให้ฝ่ายจำเลย หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก
โจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสิบเอ็ดรื้อถอนรั้วกำแพงและสิ่งปลูกสร้างที่ต่อเติมรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองออกไปจากแนวพื้นที่สีเหลืองในแผนที่วิวาทแผ่นที่ ๓ โดยโจทก์ทั้งสองไม่ต้องจดทะเบียนภาระจำยอมให้จำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๑๑ และห้ามจำเลยทั้งสิบเอ็ดเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ทั้งสองอีกต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๒ ก่อสร้างกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งสองเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง และข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยโดยจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ฎีกาโต้แย้งว่าจำเลยที่ ๒ ยังไม่ได้รื้อรั้วกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกไปจนถึงวันที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาจำเลยที่ ๒ ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ฎีกาต่อไปว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ทำการก่อสร้างรั้วกำแพงในบริเวณที่จำเลยเข้าใจว่าเป็นของจำเลย จึงได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๑๒ ประกอบมาตรา ๑๓๑๔ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ก่อสร้างรั้วกำแพงรุกล้ำที่โจทก์ทั้งสอง กรณีจึงไม่ใช่การสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๑๒ ส่วน ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๑๔ ก็ไม่ได้บัญญัติให้นำมาตรา ๑๓๑๒ มาบังคับ กรณีของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๑๒ ประกอบมาตรา ๑๓๑๔ ฎีกาจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า แม้จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ จะก่อสร้างรั้วละเมิดโจทก์ทั้งสองก็ตาม แต่จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ได้ขายและส่งมอบที่ดินให้ผู้ซื้อไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๓๕ จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตามฟ้อง เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ก่อสร้างกำแพงรุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสอง จะอ้างสิทธิของบุคคลภายนอกมาเป็นข้อแก้ตัวหาได้ไม่ จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ฎีกาข้อสุดท้ายว่า ค่าเสียหายที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดสูงเกินไป ข้อนี้โจทก์ทั้งสองนำสืบว่าโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินจากนายชาติเป็นเงิน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นตารางวาละ ๓๖,๕๘๕ บาท และข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ก่อสร้างรั้วกำแพงรุกล้ำที่ดินโจทก์ทั้งสอง ๔ ๔/๑๐ ตารางวา ฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสอง ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๖ จึงเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ฎีกาจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share