คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสามกับพวกและจำเลยมีสัญญาตกลงกันให้จำเลยไปติดต่อกับการไฟฟ้าฯให้ต่อไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน โดยโจทก์ทั้งสามกับพวกและจำเลยรวม 9 คน ได้ช่วยกันออกค่าใช้จ่ายคนละเท่า ๆ กัน และเมื่อต่อไฟฟ้าเข้ามาใช้ในหมู่บ้านได้สำเร็จ หากมีชาวบ้านมาขอต่อใช้ไฟฟ้าภายหลังก็จะเรียกเก็บเงินเอามาคืนให้โจทก์ทั้งสามกับพวกและจำเลยรวมทั้ง 9 คน ดังนี้ เงินที่จำเลยเรียกเก็บจากชาวบ้านที่ขอต่อไฟฟ้าในภายหลัง เป็นเงินที่ชาวบ้านมอบให้จำเลยซึ่งเป็นคนละส่วนกันแล้วแต่ชาวบ้านจะมาติดต่อโจทก์ทั้งสามจะมีสิทธิได้เงินดังกล่าวหรือไม่นั้นก็โดยอาศัยสัญญาที่มีอยู่ต่อกันเท่านั้น หากจำเลยไม่นำเงินมาเฉลี่ยให้โจทก์ ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยในทางแพ่ง หามีมูลความผิดทางอาญาไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบหมายจากโจทก์และพวกให้เป็นผู้เก็บรักษาเงินค่าขอต่อใช้ไฟฟ้าจากผู้มีชื่อจำนวน 10 คน รวมเป็นเงิน 13,780 บาท เพื่อนำมาชำระให้โจทก์ทั้งสามและผู้มีชื่ออีก 5 คน แต่จำเลยได้เบียดบังเงินดังกล่าวไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 3 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยจะมีความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 หรือไม่นั้น เห็นว่าฟ้องของโจทก์เป็นกรณีเรื่องโจทก์ทั้งสามกับพวกและจำเลยมีสัญญาตกลงกันให้จำเลยไปติดต่อกับการไฟฟ้าฯ ให้ต่อไฟฟ้าเข้าหมู่บ้าน โดยโจทก์ทั้งสามกับพวกและจำเลยรวม 9 คน ได้ช่วยกันออกค่าใช้จ่ายคนละเท่า ๆ กันและเมื่อต่อไฟฟ้าเข้ามาใช้ในหมู่บ้านได้สำเร็จ หากมีชาวบ้านมาขอต่อไฟฟ้าภายหลังก็จะเรียกเก็บเงินเอามาเฉลี่ยคืนให้โจทก์ทั้งสามกับพวกและจำเลยรวมทั้ง 9 คน ดังนี้ เห็นว่าเงินที่จำเลยเรียกเก็บจากชาวบ้านที่ขอต่อไฟฟ้าในภายหลังเป็นเงินที่ชาวบ้านมอบให้จำเลย ซึ่งเป็นคนละส่วนกันแล้วแต่ชาวบ้านจะมาติดต่อ โจทก์ทั้งสามจะมีสิทธิได้เงินดังกล่าวหรือไม่นั้นก็โดยอาศัยสัญญาที่มีอยู่ต่อกันเท่านั้น ดังนั้น หากจำเลยไม่นำเงินมาเฉลี่ยให้โจทก์ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่จำเลยในทางแพ่ง หามีมูลความผิดทางอาญาไม่

พิพากษายืน

Share