แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งแรกศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2542 จำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ภายในเวลาดังกล่าว ครั้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2542 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 โดยมิได้อ้างเหตุสุดวิสัยแม้ศาลชั้นต้นได้รับคำร้องของจำเลยไว้พิจารณาและมีคำสั่งอนุญาตแล้วก็เป็นการสั่งไปโดยผิดหลง หาเป็นการถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายไม่ เพราะการใช้ดุลพินิจของศาลนั้นจะต้องใช้ดุลพินิจที่ยืนอยู่บนความถูกต้องตามกฎหมายมิใช่เป็นการสั่งไปโดยผิดหลง จึงถือไม่ได้ว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้จำเลย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม2541 ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามมูลหนี้กู้ยืมแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยหากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์รวม5 ครั้ง ครั้งที่ 5 จำเลยทั้งสองขอขยายระยะเวลา 20 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลา 10 วัน จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นรวม 5 ครั้งในการยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งแรก ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2542 จำเลยทั้งสองไม่ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ภายในเวลาดังกล่าวครั้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2542 ซึ่งเลยกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตไว้ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 โดยมิได้อ้างเหตุสุดวิสัย จำเลยทั้งสองฎีกาว่าเหตุที่มายื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2542เป็นเพราะคำนวณวันเวลาคลาดเคลื่อน ไม่มีเจตนาจะยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาให้เกินกำหนดตามที่ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้ใช้ดุลพินิจรับคำร้องขอของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาแล้วจึงเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำนาจโดยชอบแล้วนั้น เห็นว่า การจะยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเมื่อคู่ความไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ได้ทันในเวลาที่กฎหมายกำหนด ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ได้บัญญัติช่องทางไว้เพื่อให้คู่ความปฏิบัติเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยคู่ความฝ่ายผู้ร้องขอขยายระยะเวลาจะต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องและจะขอได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและคู่ความฝ่ายนั้นมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้นเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย จึงเห็นได้ว่าวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการพิเศษที่กฎหมายกำหนดให้คู่ความปฏิบัติ ทั้งนี้ก็เพื่อมุ่งประสงค์จะก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่คู่ความ ดังนั้นคู่ความฝ่ายผู้ร้องขอขยายระยะเวลาจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด การที่จำเลยทั้งสองถือเอาความผิดพลาดของจำเลยทั้งสอง ประกอบกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไปโดยผิดหลงมาเป็นประโยชน์แก่จำเลยทั้งสองว่าเป็นการใช้ดุลพินิจตามอำนาจของศาลชั้นต้นเป็นการชอบแล้วนั้น หาเป็นการถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายไม่เพราะการใช้ดุลพินิจของศาลนั้นจะต้องใช้ดุลพินิจที่ยืนอยู่บนความถูกต้องตามกฎหมาย หาใช่เป็นการสั่งไปโดยผิดหลงเพราะความผิดพลาดของจำเลยทั้งสองไม่ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า สมควรขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสองหรือไม่ จำเลยทั้งสองฎีกาว่า การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ทั้งห้าครั้งของจำเลยทั้งสองมีเหตุผลแตกต่างกัน โดยสองครั้งแรกมีเหตุล่าช้าเพราะจำเลยทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งก็ไม่ใช่มีเหตุมาจากจำเลยทั้งสอง แต่เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ศาลถ่ายสำเนาให้ไม่ทัน จึงไม่มีสำเนาคำพิพากษาใช้ประกอบในการร่างอุทธรณ์ ส่วนสามครั้งหลังก็เพื่อให้มีเวลาหาเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลและค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ การขอขยายระยะเวลาครั้งสุดท้ายนั้นจำเลยทั้งสองคาดการณ์ไว้ว่าจะได้รับเงินจากญาติภายในประมาณ 15 ถึง 20 วัน จึงได้ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นเวลา 20 วัน ซึ่งเป็นเวลาไม่มาก หากศาลชั้นต้นอนุญาตตามที่จำเลยทั้งสองขอ จำเลยทั้งสองก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทันนั้น เห็นว่า เหตุผลต่าง ๆ ที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นมาแม้จะมีเหตุผลต่างกันก็ตาม แต่ทุก ๆ เหตุก็ล้วนแต่อยู่ในความรู้เห็นและสามารถคาดการณ์ได้ของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีที่จะต้องรู้และตระเตรียมขวนขวายต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไปฉะนั้นในการที่จะยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาจำเลยทั้งสองก็ยิ่งจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องและเป็นไปตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 กำหนดไว้ เมื่อจำเลยทั้งสองไม่กระทำให้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดทั้ง ๆ ที่จำเลยทั้งสองสามารถจะกระทำได้ จำเลยทั้งสองจึงต้องเป็นฝ่ายรับผลที่เกิดจากความผิดพลาดบกพร่องนั้นเอง ไม่สมควรที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสองอีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน