คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1793/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองคดีนี้มีใจความเพียงว่าจำเลยทั้งสองยอมโอนใบอนุญาตโรงเรียนและเอกสารเกี่ยวกับกิจการโรงเรียนให้แก่โจทก์กับยอมออกจากทรัพย์มรดกภายใน15วันหากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามยอมให้บังคับคดีได้ทันทีและหายไม่ยอมโอนใบอนุญาตและเอกสารต่างๆเกี่ยวกับกิจการโรงเรียนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองหรือให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลงหาได้มีข้อความว่าถ้าจำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารให้โจทก์ไม่ครบถ้วนจำเลยทั้งสองต้องชำระเงินจำนวน3,000,000บาทแก่โจทก์เป็นการชดใช้ค่าเสียหายด้วยเลยเช่นนี้หากโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารให้แก่โจทก์ไม่ครบถ้วนอันเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองเพื่อให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้นหามีสิทธิขอให้บังคับจำเลยทั้งสองนำเงินจำนวน3,000,000บาทมาวางศาลเพื่อชดใช้เงินค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วยไม่เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้บังคับคดีนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำพิพากษาหรือคำสั่งหาได้ไม่ เอกสารเกี่ยวกับกิจการโรงเรียนที่จำเลยทั้งสองจะต้องส่งมอบให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความสูญหายไปการส่งมอบเอกสารพิพาทจึงกลายเป็นพ้นวิสัยศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ส่งเอกสารพิพาทนั้นได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงกันให้ทรัพย์มรดกของ ส.เป็นของโจทก์ทั้งหมดยกเว้นเงินฝากในธนาคาร โดยโจทก์จะจ่ายเงินจำนวน 8,000,000 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสองจะโอนใบอนุญาตต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการโรงเรียน และเอกสารให้แก่โจทก์กับยอมออกจากทรัพย์มรดกในกำหนด 15 วัน หลังจากที่โจทก์ได้วางเงินจำนวน8,000,000 บาท ต่อศาลแล้ว ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามยอมให้บังคับคดีได้ทันที และหากไม่ยอมโอนใบอนุญาตและเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการโรงเรียนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองหรือให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ฯลฯ โจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้แล้ว จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารต่าง ๆรวม 26 รายการ แต่ยังขาดอีก 6 รายการจำเลยทั้งสองแถลงว่า เอกสารทั้ง 6 รายการซึ่งเป็นเอกสารพิพาทและใบอนุญาต ร.2 (สช.2) รวมเป็น 7 รายการเคยมีอยู่แต่ได้สูญหายไปค้นหาไม่พบ โจทก์ยื่นคำร้องว่าเจ้าหน้าที่ทะเบียนส่วนกลางกระทรวงศึกษาธิการไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนและบันทึกในสมุดหมายเหตุรายวันของโรงเรียนว่าเอกสารทะเบียนนักเรียนเล่มปัจจุบันซึ่งทางเข้าของโรงเรียนคนเดิมยังไม่ได้ส่งให้นั้นขอให้ติดตามมาให้ได้ โดยเจ้าหน้าที่ทะเบียนส่วนกลางแจ้งว่าเอกสารทะเบียนนักเรียนเป็นเอกสารสำคัญซึ่งมีอยู่เฉพาะที่โรงเรียนเท่านั้น ไม่มีหลักฐานที่อื่นอีก โรงเรียนจะต้องเก็บไว้ให้ดีจะทำให้สูญหายไม่ได้เด็ดขาด ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว จำเลยทั้งสองไม่ส่งมอบเอกสารดังกล่าวให้แก่โจทก์จึงเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000,000 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสองนำเอกสารดังกล่าวมาวางศาลเพื่อมอบให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยทั้งสองไม่สามารถนำมาวางศาลเพื่อมอบให้แก่โจทก์ได้ก็ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินที่รับไปจากโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน 3,000,000 บาท
จำเลยทั้งสองแถลงว่า ส่วนเอกสารตามรายการจำเลยทั้งสองจะไปจัดการขอสำเนาเอกสารดังกล่าวต่อกระทรวงศึกษาธิการภายในกำหนด 20 วัน มามอบให้แก่โจทก์ที่ศาล ต่อมาจำเลยทั้งสองแถลงว่าต้นฉบับใบเสร็จรับเงินและทะเบียนนักเรียนตั้งแต่ พ.ศ.2524 ถึง พ.ศ. 2529 จำเลยทั้งสองไม่ได้จัดส่งให้โจทก์ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนแจ้งว่าไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนสมุดประจำชั้นแสดงผลของการสอบซ้อมใหญ่ตั้งแต่ พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2529ได้จัดส่งให้โจทก์บางส่วนแล้ว และเอกสารรายการที่ 6(เอกสารต่าง ๆ ของภาคพิเศษ) ได้จัดส่งให้โจทก์ในวันนี้แล้วโจทก์แถลงว่า เอกสารรายการที่ 6 ส่งไม่ครบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเงินจำนวน3,000,000 บาท เท่าที่โจทก์ขอ มาวางคืนต่อศาลภายในกำหนด15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่ง เว้นแต่จำเลยทั้งสองจะได้ส่งมอบเอกสารให้แก่โจทก์ครบถ้วนก่อนวันครบกำหนด ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ให้โจทก์มีสิทธิดำเนินการยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดนำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางศาลต่อไป จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยทั้งสองฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อนแล้วพิจารณาสั่งคำร้องของ โจทก์ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่
ก่อนไต่สวน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้พันโท(หญิง)ยศกร เลียวพานิชภริยาโจทก์และเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์เข้าดำเนินคดีแทนโจทก์ผู้มรณะ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบต้นฉบับใบเสร็จรับเงินของโรงเรียนก่อนวันที่ 15 พฤษภาคม 2530ทะเบียนนักเรียนตั้งแต่ พ.ศ.2524 ถึง พ.ศ. 2529สมุดประจำชั้นแสดงผลของการสอบซ้อมใหญ่ตั้งแต่ พ.ศ. 2528ถึง พ.ศ. 2529 แก่โจทก์ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันฟังคำสั่งนี้ ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ให้จับกุมจำเลยทั้งสองมากักขังไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276, 297 และ 3000 คำขอนอกจากนี้ให้ยกค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาและในชั้นศาลชั้นต้นให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบเอกสารพิพากษาตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแก่โจทก์ภายในกำหนด1 เดือน นับแต่วันทราบคำพิพากษานี้ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองคดีนี้มีใจความเพียงว่า จำเลยทั้งสองยอมโอนใบอนุญาตโรงเรียนและเอกสารเกี่ยวกับกิจการโรงเรียนให้แก่โจทก์กับยอมออกจากทรัพย์มรดกภายใน 15 วันหากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ยอมให้บังคับคดีได้ทันทีและหากไม่ยอมโอนใบอนุญาตและเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับกิจการโรงเรียนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง หรือให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง หาได้มีข้อความว่า ถ้าจำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารให้โจทก์ไม่ครบถ้วนจำเลยทั้งสองต้องชำระเงินจำนวน 3,000,000 บาท แก่โจทก์เป็นการชดใช้ค่าเสียหายด้วยเลย เช่นนี้ หากโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารให้แก่โจทก์ไม่ครบถ้วนอันเป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้บังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองเพื่อให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น หามีสิทธิขอให้บังคับจำเลยทั้งสองนำเงินจำนวน 3,000,000 บาทมาวางศาลเพื่อชดใช้เป็นค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วยไม่เพราะเป็นเรื่องนอกเหนือจากสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมทั้งนี้เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเท่านั้นจะขอให้บังคับคดีนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำพิพากษาหรือคำสั่งหาได้ไม่ แล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ ทำให้เอกสารพิพาทสูญหายไปการส่งมอบเอกสารพิพาทจึงกลายเป็นพ้นวิสัย ซึ่งศาลไม่อาจบังคับให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้ส่งเอกสารพิพาทนั้นได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องของ โจทก์ในส่วนที่ขอให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเอกสารพิพาทแก่โจทก์ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share