คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่มีข้อความโต้แย้งคำพิพากษาของศาชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ กรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 236 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางสุรัสวดี จูฑะศรี เมื่อประมาณต้นปี 2545 จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้รับจำนอง และจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 661/2542 ของศาลชั้นต้น ร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ โดยยึดและประเมินราคาที่ดินโฉนดเลขที่ 45381 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งมีนางสุรัสวดีเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงโดยประเมินราคาเพียง 3,200,600 บาท ทั้งที่จำเลยที่ 1 เคยประเมินราคาไว้สูงกว่า 6,000,000 บาท เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะขายทรัพย์ได้ราคาต่ำกว่าของจริง ขอให้เพิกถอนการประเมินราคา และประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างใหม่ กับขายทอดตลาดใหม่
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิบังคับโดยสุจริตเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาตามระเบียบของกรมบังคับคดีโจทก์สามารถที่จะคัดค้านราคาประเมิน แต่โจทก์ไม่กระทำ และไม่ได้ใช้สิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด จึงถือว่าการบังคับคดีในส่วนนั้นสิ้นสุด โจทก์ไม่สามารถขอให้เพิกถอนการขายได้ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า การยึด การประเมินราคาและการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายทุกประการ โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเกี่ยวกับการบังคับคดีในคดีเดิม โจทก์ฟ้องคดีเพื่อประวิงมิให้จำเลยที่ 1 ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ในวันสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไป จึงให้งดสืบพยานโจทก์และจำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาขอให้ศาลรับอุทธรณ์ของโจทก์นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ ความว่า ในกรณีที่มีการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ เมื่อผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นหรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่มีข้อความโต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ กรณีต้องต้องด้วยมาตรา 236 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกา ให้คืนค่าฤชาธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่โจทก์ ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share