แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไม่ตรงตามคำฟ้องและคำให้การจำเลย และไม่พิจารณาพิพากษาคดีไปตามประเด็นในคำฟ้องคำให้การ เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และมาตรา 183 เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลสูงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้ และถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงกันสละประเด็นข้ออื่นตามคำฟ้องและคำให้การแล้วท้ากันให้ศาลวินิจฉัยแต่เพียงในประเด็นตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลูกเรือนรุกล้ำและบังหน้าที่ดินโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและรื้อสิ่งก่อสร้างออกไปให้พ้นที่ดินและหน้าที่ดินโจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง ที่ดินที่จำเลยอาศัยปลูกบ้านอยู่เป็นที่สาธารณประโยชน์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินมาเกินกว่า10 ปีแล้ว โจทก์ทราบว่าจำเลยได้บุกรุกที่ดินพิพาทตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะซื้อมา การจดทะเบียนสิทธิของโจทก์จึงไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไม่ถูกต้อง ทั้งจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์ยังไม่ถึง 10 ปี
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เรือนของจำเลยส่วนหนึ่งปลูกอยู่ในโฉนดของโจทก์ โจทก์รับโอนที่ดินมาจากเจ้าของเดิมโดยสุจริต จำเลยอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองยันโจทก์ไม่ได้ พิพากษากลับ ให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นหน้าที่ดินและที่ดินโจทก์
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ประเด็นเดียวว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดไว้ การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยใช้ยันโจทก์ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทอยู่ 2 ข้อ คือ 1. จำเลยปลูกเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่2. จำเลยปลูกเรือนและทำรั้วบังหน้าที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์ออกสู่ถนนไม่ได้จริงหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนออกไปให้พ้นหน้าที่ดินโจทก์หรือไม่ ที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ตรงประเด็นตามคำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยและถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงกันสละประเด็นข้ออื่นตามคำฟ้องและคำให้การแล้วท้ากันให้ศาลวินิจฉัยแต่เพียงในประเด็นตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้นั้น เพราะไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงท้ากันหรือสละข้อหาข้อต่อสู้ตามคำฟ้องหรือคำให้การของตนแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นไม่พิจารณาและพิพากษาคดีไปตามประเด็นในคำฟ้อง คำให้การทั้งมิใช่เป็นเรื่องที่คู่ความได้ท้ากันนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และ 183 เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลสูงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาคดีไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้
พิพากษายืน