คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานวิสามัญสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ที่มีหน้าที่เรียกเก็บค่าเช่า ไม่มีหน้าที่เรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะนั้น ถ้าไปเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะย่อมได้ชื่อว่า เรียกเก็บเงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควร จะเก็บและมิได้นำส่งต่อรัฐบาลก็เป็นผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 135

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน รับราชการเป็นเสมียนวิสามัญในสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จังหวัดนครปฐม มีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าแผงลอยหาบเร่ และค่าเช่าเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ส่งต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๙ เวลากลางวัน จำเลยบังอาจเรียกเก็บเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะร้าน อันเป็นเงินที่ไม่ควรจะเก็บจากนายฮกหลี แซ่เอี๊ยะ เป็นจำนวนเงิน ๔๐ บาท แล้วคิดทุจริตเบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสียเอง ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๑๓๕-๓๑๔
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เงินหรือทรัพย์ที่ไปเรียกเก็บต้องเป็นเงินหรือทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่อยู่ด้วย มิใช่หมายถึงเงินหรือทรัพย์อื่นทั่ว ๆ ไป เช่น จำเลยมีหน้าที่เก็บค่าเช่าต่าง ๆ เงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควรเก็บก็ต้องเป็นเงินค่าเช่าเท่านั้น หาได้หมายถึงเงินอื่น ๆ เช่น ค่าแป๊ะเจี๊ยะไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่เก็บค่าเช่า ฯลฯ ไม่มีหน้าที่เรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะ ฉะนั้น การที่จำเลยไปเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะ จึงได้ชื่อว่าจำเลยเรียกเก็บเงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควรจะเก็บ และมิได้นำส่งรัฐบาล จึงเป็นความผิดตามมาตรา ๑๓๕ ได้ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share