แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบของกลางตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 115และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกในส่วนที่ศาลชั้นต้นบังคับจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 และริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 เสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องการปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องโดยมิได้พิพากษาให้ยกการริบของกลาง และศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาให้ริบของกลางตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2534 มาตรา 115 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 อยู่เนื่องจากเสื้อและกางเกงที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมของกลางเป็นสินค้าที่จำเลยมีไว้จำหน่ายอันเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และป้ายยี่ห้อกับริบบิ้นของกลางที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้ยกคำขอให้เรื่องการริบของกลางของกลางคดีนี้จึงยังเป็นของกลางที่ศาลสั่งริบอยู่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางสุวรรณี จินชาง ผู้เสียหายที่ 1เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ารูปลิงนั่งอยู่ด้านบนและมีคำว่า”Monkey Gold” อยู่ด้านล่างซึ่งได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในราชอาณาจักรที่กรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์ในจำพวกสินค้าที่ 38 ประเภทเสื้อ กางเกง และเครื่องนุ่งห่มนายประการหรือวรชิต แซ่อื้อ ผู้เสียหายที่ 2 เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ารูปคน 2 คน วิ่งอยู่ในวงกลมซึ่งได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในราชอาณาจักรที่กรมทะเบียนการค้ากระทรวงพาณิชย์ในจำพวกสินค้าที่ 38 ประเภทเสื้อ กางเกงและเครื่องนุ่งห่ม จำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2539เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายทั้งสอง โดยทำแผ่นป้ายผ้าและริบบิ้นขึ้นใหม่เป็นรูปรอยประดิษฐ์มีเครื่องหมายรูปลิงนั่งอยู่ด้านบนและมีคำว่า”Monkey Gold” อยู่ด้านล่าง และทำแผ่นป้ายกระดาษและริบบิ้นขึ้นใหม่เป็นรูปรอยประดิษฐ์มีเครื่องหมายรูปคน 2 คน วิ่งอยู่ในวงกลมและร่วมกันมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเสื้อผ้าและกางเกงที่มีเครื่องหมายการค้ารูปลิงนั่งอยู่ด้านบนและมีคำว่า “Monkey Gold”อยู่ด้านล่างปรากฏอยู่จำนวน 1,041 ตัว และกางเกงที่มีเครื่องหมายการค้ารูปคน 2 คน วิ่งอยู่ในวงกลมจำนวน 92 ตัว ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าปลอม โดยจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าเสื้อและกางเกงดังกล่าวเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นโดยทำปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายทั้งสอง และได้กระทำเพื่อประโยชน์ทางการค้าของจำเลยทั้งสาม เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 2ได้พร้อมยึดเสื้อและกางเกงจำนวน 1,133 ตัว และป้ายยี่ห้อกับริบบิ้นที่มีเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายทั้งสองปลอมจำนวน 36,100 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสามร่วมกันมีไว้และใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 4, 108, 110 และ 115ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 272, 273, 32 และ 33ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 4, 108, 110(1)และ 115 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 272(1), 273, 32 และ 33 ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2534 มาตรา 108 ประกอบมาตรา 108 ให้ปรับจำเลยที่ 1เป็นเงิน 300,000 บาท จำคุกที่ 2 และที่ 3 คนละ 2 ปี และปรับคนละ 300,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน150,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 1 ปี และปรับคนละ150,000 บาท จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกในส่วนที่ศาลชั้นต้นบังคับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30 และริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 เสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยทั้งสามเหมาะแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ส่วนที่จำเลยทั้งสามฎีกาในทำนองว่า ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกการริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32จึงเท่ากับว่าของกลางในคดีนี้ไม่ได้ถูกศาลสั่งริบ นั้น เห็นว่าศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องการปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องเท่านั้น ไม่ได้พิพากษาให้ยกการริบของกลางแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาให้ริบของกลางตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 115และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 อยู่เพราะเสื้อและกางเกงที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเป็นสินค้าที่จำเลยทั้งสามมีไว้จำหน่ายอันเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2534 และป้ายยี่ห้อกับริบบิ้นที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยทั้งสามมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้ยกการริบของกลางตามบทกฎหมายดังกล่าวคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน