แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้เท้าถีบฝาเรือนใส่หน้าบิดา. เป็นการกระทำที่บุตรไม่น่าจะทำต่อบิดาก็จริง. แต่บิดาก็เป็นฝ่ายผิดอยู่มากที่เอามีดดาบขนาดใหญ่เข้าไปจะแทงจำเลย. เป็นการใช้สิทธิความเป็นบิดาเกินควร. ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จำเลยตีมีดดาบหลุดจากมือบิดาไปแล้วก็หยิบมีดดาบนั้นมาทำร้ายบิดาในเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดติดกันนั่นเอง. ถือได้ว่ากระทำลงโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
แม้จำเลยให้การรับสารภาพและไม่ได้ยกเรื่องบันดาลโทสะขึ้นต่อสู้. เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่ามีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ. ศาลก็ย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธฟันแทงทำร้ายบิดาผู้บุพการีของจำเลยเองโดยเจตนาฆ่าให้ตาย และบิดาได้ถึงแก่ความตายดังเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโดยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(1)และริบของกลาง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(1) ให้วางโทษประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพ คงจำคุกตลอดชีวิต มีดของกลางคืนให้แก่ทายาทของผู้ตาย คู่ความไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำเพราะบันดาลโทสะ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(1) ประกอบด้วย มาตรา 72 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิตจำเลยรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 15 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตอนที่จำเลยใช้เท้าถีบฝาเรือนใส่หน้านายจุ่นเป็นการกระทำที่บุตรไม่น่าจะทำต่อบิดาก็จริง แต่นายจุ่นก็เป็นฝ่ายผิดอยู่มากที่เอามีดดาบขนาดใหญ่เข้าไปจะแทงจำเลย เป็นการใช้สิทธิความเป็นบิดาเกินควร ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยตีมีดดาบหลุดจากมือนายจุ่นไปแล้ว ก็หยิบมีดดาบนั้นมาทำร้ายนายจุ่นในเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดติดกันนั่นเอง ถือได้ว่ากระทำลงโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 คดีนี้แม้จำเลยให้การรับสารภาพและไม่ได้ยกเรื่องบันดาลโทสะขึ้นต่อสู้เมื่อทางพิจารณาปรากฎว่ามีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษศาลก็ย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน.