คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1785/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองชอบที่จะบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ หรือชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินเหล่านั้นโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ ตามมาตรา 289 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาดตามที่กฎหมายบัญญัติให้ไว้ในกรณีนี้แล้ว จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามมาตรา 290แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเป็นบทบัญญัติอีกกรณีหนึ่งสำหรับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัดไว้
หนี้จำนองซึ่งผู้ร้องมีสิทธิขอให้เอาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ นั้น รวมถึงดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับจำนองด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 715

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี เป็นเงิน 265,129.85 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จำนองค้ำประกันชำระแทน ให้จำเลยที่ 2 ไถ่ถอนจำนองถ้าไม่ไถ่ถอนก็ ขอให้เอาทรัพย์ที่จำนองออกขายทอดตลาด เอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์ต่อมาโจทก์และจำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยที่ 1ยอมชำระเงิน 265,129.85 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1ผิดนัดไม่ชำระ โจทก์จะต้องบังคับคดีเอากับจำเลยที่ 1 ก่อน โดยให้จำเลยที่ 2เป็นผู้นำยึด ถ้าทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ไม่พอชำระหนี้ ขาดเท่าไรจำเลยที่ 2จะชำระแทน ศาลได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวและคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงขอให้บังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และกำหนดจะขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์สินที่ยึดและประกาศขายทอดตลาดลำดับที่ 1 ถึงที่ 4คือที่สวน 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ และสิ่งปลูกสร้างนั้น นางมารศรีไชยศิริ ได้จดทะเบียนจำนองเป็นประกันเงินกู้ที่กู้ไปจากผู้ร้อง และผู้ร้องได้ฟ้องบังคับจำนอง ศาลพิพากษาให้นางมารศรีใช้หนี้จำนอง ถ้าไม่ชำระก็ให้บังคับจำนอง ปรากฏตามคดีหมายเลขแดงที่ 39/2517 ของศาลจังหวัดหนองคายผู้ร้องจึงเป็นเจ้าหนี้ ชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนอง ดังนั้น เมื่อมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำนองก็ขอให้นำเงินที่ขายได้ใช้หนี้จำนองตลอดจนค่าดอกเบี้ยและค่าทนายความให้แก่ผู้ร้องก่อน ที่เหลือจึงแบ่งเฉลี่ยให้แก่เจ้าหนี้อื่น ศาลมีคำสั่งนัดพร้อมและสอบถามโจทก์และจำเลยที่ 2 แล้ว ต่างแถลงว่าไม่คัดค้าน สำหรับจำเลยที่ 1ได้รับหมายนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ศาลจึงสั่งอนุญาตกันเงินให้ผู้ร้องได้ตามขอต่อมาปรากฏว่าทรัพย์ลำดับที่ 1 ถึงที่ 4 ขายทอดตลาดได้เงิน 750,000บาท ส่วนทรัพย์อย่างอื่นขายได้เงิน 8,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำบัญชีส่วนเฉลี่ยโดยกันเงินทีไ่ด้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนอง ซึ่งเมื่อหักเป็นค่าธรรมเนียมขายทอดตลาดแล้วเหลือเงิน 712,500 บาท ชำระหนี้จำนอง ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ร้อง โจทก์และผู้ร้องตรวจสอบบัญชีเฉลี่ยแล้วไม่คัดค้าน

จำเลยที่ 2 คัดค้านว่าผู้ร้องขอรับเงินสำหรับการขายทอดตลาดเกินกว่า14 วัน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 และว่าหนี้จำนองที่แท้จริงมีเพียง 500,000 บาท ส่วนดอกเบี้ยและค่าอื่น ๆ ไม่ใช่หนี้จำนอง ศาลจังหวัดหนองคายมีคำสั่งว่าตามคำร้องของผู้ร้องลงวันที่ 25 สิงหาคม 2518 ขอกันเงินจากการขายทอดตลาดทรัพย์ลำดับที่ 1 ถึงที่ 4 นั้น จำเลยที่ 2 และบุคคลอื่นไม่คัดค้านและศาลได้สั่งอนุญาตแล้ว จึงให้จ่ายเงิน 712,500 บาทแก่ผู้ร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2519 ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องขอรับเงินเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2519 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่า 14 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิรับเงินดังกล่าว และหนี้จำนองที่จดทะเบียนไว้เพียง 500,000บาทเท่านั้น ส่วนหนี้ซึ่งเป็นค่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียมนั้น ไม่ใช่หนี้จำนองหรือบุริมสิทธิแต่อย่างใด จึงไม่มีสิทธิที่จะนำมารวมกับหนี้จำนองได้นั้น เห็นว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองชอบที่จะบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้หรือชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน เหล่านั้นโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ตามมาตรา 289 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2518 ก่อนเอาทรัพย์สินออกขายทอดตลาดตามที่กฎหมายบัญญัติให้ไว้ในกรณีนี้แล้ว จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามมาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเป็นบทบัญญัติอีกกรณีหนึ่ง สำหรับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัดไว้ และหนี้จำนองซึ่งผู้ร้องมีสิทธิขอให้เอาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ นั้น รวมถึงดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับจำนองด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 715

พิพากษายืน

Share