แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรื่องที่ดิน ศาลสั่งให้ทำแผนที่พิพาทจำเลยบอกให้เจ้าพนักงานผู้ทำแผนที่บันทึกลงในแผนที่พิพาทว่า “จำเลยว่าทุกฝ่ายที่เคยมีชื่อในโฉนดครอบครองร่วมกัน ไม่เคยแบ่งแยกเป็นส่วนสัด ฯลฯ” ไม่ว่าข้อความนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นแต่เพียงการบันทึกให้ปรากฏไว้ว่าจำเลยอ้างว่าอย่างไรเท่านั้น หาอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือผู้อื่นหรือประชาชนได้ไม่ จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในแผนที่พิพาทประกอบการพิจารณา ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๕/๒๕๑๖ ของศาลจังหวัดปทุมธานี อันจัดเป็นเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการข้อความที่จำเลยได้แจ้งให้จดลงไว้มีข้อความว่า “จำเลยว่าทุกฝ่ายที่เคยมีชื่อในโฉนดครอบครองร่วมกัน ไม่เคยแบ่งแยกเป็นส่วนสัดการบำรุงและการใช้สอยต้นไม้และพืชผลในที่ดินก็บำรุงและใช้สอยร่วมกันโดยตลอด เพิ่งมีข้อตกลงที่สำนักงานที่ดินว่าให้แบ่งครึ่งกันให้ได้เนื้อที่เท่า ๆ กัน โดยกำหนดทิศทางให้โจทก์ได้ส่วนเหนือจำเลยได้ส่วนใต้” ข้อความที่ขีดเส้นใต้ไว้นั้นเป็นความเท็จความจริงโจทก์จำเลยแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัดมาเป็นเวลานานเอกสารนี้มีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยตรงตามความหมายของมาตรา ๒๖๗แห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรื่องที่ดินตามคดีหมายเลขดำที่ ๒๕/๒๕๑๖หมายเลขแดงที่ ๒๙/๒๕๑๖ ของศาลจังหวัดปทุมธานี ในการพิจารณาคดีเรื่องนั้น ศาลได้มีคำสั่งให้ทำแผนที่พิพาท นายสุนันท์ นคราวงศ์ ช่างโทประจำสำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานีได้ไปรังวัดทำแผนที่ตามคำสั่งศาลจำเลยได้บอกให้นายสุนันท์บันทึกข้อความดังที่โจทก์กล่าวในฟ้องลงในแผนที่พิพาท นายสุนันท์จึงบันทึกไว้แล้วจำเลยลงลายมือชื่อรับรองแผนที่และรับทราบข้อความนั้น
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แผนที่พิพาทนี้เป็นเอกสารราชการ ซึ่งเจ้าพนักงานทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๕/๒๕๑๖ โดยเฉพาะข้อความที่จำเลยบอกให้นายสุนันท์ เจ้าพนักงานผู้ทำแผนที่พิพาทบันทึกลงในแผนที่พิพาทว่า “จำเลยว่าทุกฝ่ายที่เคยมีชื่อในโฉนดครอบครองร่วมกัน ไม่เคยแบ่งแยกเป็นส่วนสัดเพิ่งมีข้อตกลงที่สำนักงานที่ดินว่าให้แบ่งครึ่งกัน” นั้น ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตามข้อความดังกล่าวนี้ก็เป็นเพียงการบันทึกให้ปรากฏไว้ว่าจำเลยอ้างว่าอย่างไรเท่านั้น ดังจะเห็นได้ชัดในตอนต้นของข้อความที่ว่า “จำเลยว่า” ข้อความที่แสดงให้ทราบว่าจำเลยอ้างว่าอย่างไรเช่นนี้ หาอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือผู้อื่นหรือประชาชนไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๗
พิพากษายืน