แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปตามที่จำเลยหลอกลวงว่าจะนำใบรับเงินที่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ไปให้เจ้าพนักงานปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ มิฉะนั้นจะมีโทษ แล้วจำเลยเอาเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ตนเสีย โดยมิได้จัดการประการใดนั้น โจทก์เรียกเงินคืนจากจำเลยได้.
ย่อยาว
ได้ความว่า บิดาจำเลยได้เช่าตึกของโจทก์ ต่อมาบิดาจำเลยตาย จำเลยได้บอกโจทก์ว่า ใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้บิดาจำเลยมีอยู่หลายฉะบับยังมิได้ปิดอากรแสตมป์ ซึ่งเป็นความผิดมีโทษถึงจำคุกและปรับ จำเลยรับจะช่วยเหลือเอาไปให้เจ้าพนักงานปิดอากรแสตมป์ให้ครบบริบูรณ์ แต่ต้องเสียค่าปรับ ค่าภาษี และค่าใช้จ่าย โจทก์ได้มอบเงิน ๕๐๐ บาทให้จำเลยไปจัดการดังกล่าวโดยกลัวมีโทษ ต่อมาปรากฎว่าจำเลยไม่จัดการให้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินรายนี้คืน จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ชำระเงินรายนี้เป็นการชำระหนี้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีตามมาตรา ๔๑๒ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้เงินรายนี้ไปจากโจทก์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ต้องคืนแก่โจทก์ตามมาตรา ๔๐๖ กับ ๔๑๒ คดีไม่ต้องด้วยมาตรา ๔๑๑ ดังศาลชั้นต้นยกมาปรับ เพราะมาตรา ๑๑๓ แห่ง ป.ม.รัษฎากรเปิดโอกาสให้ผู้ขายตราสาร ซึ่งมิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อขอเสียอากรได้ พิพากษากลับให้คืนเงิน ๕๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่ง ตั้งแต่วันฟ้องแก่โจทก์
พิพากษายืน.