แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีอาญา แม้จำเลยจะนำสืบถึงพยานเอกสารใดโดยมิได้นำพยานเอกสารนั้นไปซักค้านพยานโจทก์ให้อธิบายไว้เสียก่อนจำเลยก็ยังอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้
ไม่มีบทกฎหมายใดบังคับว่าการพิจารณาคดีอาญาที่กล่าวหากันด้วยข้อเท็จจริงที่ได้เคยมีการวินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีเรื่องก่อนแล้ว ศาลที่พิจารณาคดีหลังจะต้องถือข้อเท็จจริงที่ศาลได้วินิจฉัยไว้ในคดีก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒, ๑๗๓, ๑๗๔ และ ๑๗๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของโจทก์ที่ว่าศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ตามที่ศาลแขวงพระนครเหนือได้วินิจฉัยไว้ถึงที่สุดแล้วในคดีที่โจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยและจำเลยที่ ๑ ในคดีนี้เป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีซึ่งมีมูลกรณีเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกับคดีนี้ นั้น การที่ศาลเคยพิพากษาคดีอาญาเรื่องใดไว้จนเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ไม่มีตัวบทกฎหมายใดบังคับว่าการพิจารณาคดีอาญาในเรื่องหลังที่กล่าวหากันด้วยข้อเท็จจริงดังที่เคยชี้ขาดไว้ในคดีเรื่องก่อนนั้น ศาลที่พิจารณาคดีหลังต้องถือเอาตามข้อเท็จจริงที่ศาลได้พิพากษาชี้ขาดไว้ในคดีก่อน แต่เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินตามหลักทั่วไปแห่งการพิจารณาคดีอาญา คือ เมื่อจำเลยไม่รับตามฟ้อง โจทก์ก็ต้องมีหน้าที่นำสืบพยานจนเห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง หาไม่ก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๒๗
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้เอาเอกสารต่าง ๆ ที่จะอ้างมาถามค้านพยานโจทก์ให้อธิบายไว้เสียก่อนในคราวที่โจทก์นำพยานมาสืบในเรื่องเกี่ยวกับเอกสารนั้น ข้อนำสืบของจำเลยตามเอกสารนั้น จึงรับฟังไม่ได้นั้นศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับคดีอาญา แม้จำเลยจะไม่ได้กระทำเช่นนั้น จำเลยก็ยังอ้างเอกสารเช่นนั้นเป็นพยานได้ ไม่ต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแต่อย่างไร แต่อาจเป็นเหตุให้ศาลพิจารณาดูว่าเป็นพยานที่มีน้ำหนักน้อยก็ได้
พิพากษายืน