แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองซึ่งมีข้อความอื่นเป็นตัวพิมพ์ทั้งสิ้นแต่เว้นช่องวันที่ที่ทำพินัยกรรมว่างไว้ และมีการเขียนเลข 16 ซึ่งเป็นวันที่ที่ทำพินัยกรรมลงไป ดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นการตก เติม หรือเปลี่ยนแปลงซึ่งพินัยกรรม จึงไม่จำต้องมีผู้ทำพินัยกรรม พยาน และกรมการอำเภอลงลายมือชื่อกำกับเลข 16 ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 วรรคท้าย
ข้อความในพินัยกรรมข้อ 1 ระบุว่ายกทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมให้แก่ผู้ที่ได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมและข้อ 2 ระบุว่าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่จำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าพินัยกรรมได้กำหนดบุคคลที่ทราบตัวแน่นอนให้ไว้แล้ว ว่าให้จำเลยเป็นผู้รับพินัยกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านางสาวโถ มาสยะ ได้ทำพินัยกรรมลงวันที่ 30 กรกฎาคม2503 ยกทรัพย์ให้บุคคลหลายคน โดยเฉพาะที่ดินโฉนดที่ 1376 พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้าง ยกให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง และยกให้บุตรของนางประวงศ์ ชูประเทศ ครึ่งหนึ่ง เมื่อนางสาวโถตาย จำเลยอ้างว่านางสาวโถทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองลงวันที่ 16 เมษายน 2513 ยกทรัพย์ให้จำเลยและแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ความจริงนางสาวโถมิได้มีเจตนาที่จะทำพินัยกรรม แต่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำพินัยกรรมให้นางสาวโถลงลายมือชื่อ พินัยกรรมดังกล่าว ตกเติมเลข 16 ลงในช่องวันที่โดยผู้ทำพินัยกรรม พยาน และกรมการอำเภอมิได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้เท่ากับพินัยกรรมไม่มีวันที่ และพินัยกรรมไม่ได้กำหนดตัวบุคคลผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไว้ จึงเป็นโมฆะ ต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดที่ 1376 เป็นของจำเลย แล้วนำไปให้นางสาวประไพเช่าขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมของนางสาวโถ ฉบับลงวันที่ 16 เมษายน2513 เป็นโมฆะ ให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินโฉนดที่ 1376 ให้จำเลยงดเก็บค่าเช่าจากนางสาวประไพ และส่งค่าเช่าที่จำเลยรับไปแล้ว 30,000 บาทให้โจทก์ กับให้จำเลยส่งค่าเช่าที่รับไปจากนางสาวประไพเดือนละ 7,500 บาท นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2514 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะงดเก็บหรือจนกว่าศาลจะพิพากษา
จำเลยให้การว่า นางโถไม่ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์ตามสำเนาท้ายฟ้อง หากมีจริงก็เป็นเอกสารปลอม ทำขึ้นโดยไม่สุจริตและปิดบังไม่ให้จำเลยซึ่งเป็นสามีนางโถรู้เห็น จึงเป็นโมฆะนางโถทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองโดยเจตนายกทรัพย์ให้จำเลยผู้เดียว ไม่สำคัญผิดแต่อย่างใด พินัยกรรมของนางโถไม่มีการตกเติมอันทำให้พินัยกรรมเสียไป และได้กำหนดให้จำเลยเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมแล้ว ศาลแพ่งเคยวินิจฉัยชี้ขาดในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 4933/2513 ว่า พินัยกรรมดังกล่าวใช้ได้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้ศาลเพิกถอนว่าเป็นโมฆะอีก
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นางสาวโถมีเจตนาทำพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 และได้กำหนดตัวบุคคลผู้รับทรัพย์ไว้แน่นอนแล้วว่าเป็นจำเลยพินัยกรรมไม่เป็นโมฆะ จำเลยรับโอนมรดกที่ดินโฉนดที่ 1376 มาโดยชอบและอาคารโรงเรียนเป็นส่วนควบของที่ดินโฉนดที่ 1376 จำเลยจึงเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 1376 และอาคารโรงเรียน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาวโถหรือนางโถลงลายมือชื่อในพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 โดยเจตนาจะยกที่ดินโฉนดที่ 1376ให้แก่จำเลย มิใช่ลงลายมือชื่อโดยสำคัญผิด และวินิจฉัยว่า การที่พินัยกรรมเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งมีข้อความอื่นเป็นตัวพิมพ์ทั้งสิ้นแต่เว้นช่องวันที่ทำพินัยกรรมว่างไว้ และมีการเขียนเลข 16 ลงไปนั้นไม่ถือว่าเป็นการตก เติม หรือเปลี่ยนแปลงซึ่งพินัยกรรมแต่อย่างใดพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.2 สมบูรณ์ตามกฎหมาย
ข้อความในพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 แม้ในข้อ 1 จะมิได้ระบุว่ายกทรัพย์ตามพินัยกรรมให้แก่ผู้ใดก็ตาม แต่ได้ระบุว่ายกทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมให้แก่ผู้ที่ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมและข้อ 2 ระบุว่าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่นายโกสน กาญจนะสงฆ์ (จำเลย) จึงเห็นได้ว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 ได้กำหนดบุคคลที่ทราบตัวแน่นอนให้ไว้แล้วว่า ให้จำเลยเป็นผู้รับพินัยกรรมโดยระบุชื่อจำเลยไว้ในพินัยกรรมว่าขอมอบพินัยกรรมนี้แก่จำเลยและทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.2 ก็ระบุไว้ชัดแจ้งแล้วว่าเป็นที่ดินโฉนดที่ 1376 ดังที่ระบุไว้ในข้อ 1(1)มิใช่ระบุไว้ไม่ชัดแจ้งดังที่โจทก์ฎีกา
พิพากษายืน