คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนแต่ผู้เดียวมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของห้างหุ้นส่วนได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2499)
เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ในต่างประเทศนั้นไม่มีผลบังคับในประเทศไทย แต่อาจเป็นข้อเท็จจริงที่จะใช้ฟังถึงสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของและการใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้

ย่อยาว

คดีนี้พิพาทกันเรื่องการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูป “เทพธิดาแห่งความเมตตา” โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทำการค้าในนามเหลียงวิงซิง อยู่ที่ฮ่องกง เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าดังที่กล่าวแล้ว ซึ่งโจทก์ได้จดทะเบียนไว้ในประเทศจีน จำเลยบังอาจเอาเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปขอจดทะเบียนต่อกระทรวงเศรษฐการโดยลบชื่อห้างของโจทก์ออกเสียจึงขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ดีกว่าจำเลยและห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้านั้นต่อไป

จำเลยต่อสู้ว่าการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศจีนไม่ก่อให้เกิดสิทธิในประเทศไทย โจทก์ยื่นขอจดทะเบียนในประเทศไทยทีหลังจำเลยและซ้ำกับของจำเลย ๆ ประดิษฐ์เครื่องหมายนี้เองใช้มากว่า 10 ปีแล้ว ห้างเหลียงวิงซิงไม่เป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหนังสือมอบอำนาจลงนามหุ้นส่วนผู้จัดการคนเดียวไม่สมบูรณ์

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยมีสิทธิจดทะเบียนดีกว่าโจทก์ พิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยสรวมรอยเรียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์แล้วรีบไปจดทะเบียนก่อนโจทก์ พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิจดทะเบียนดีกว่าจำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า 1. การที่โจทก์จดทะเบียนการค้าในประเทศจีนนั้นหามีผลบังคับในประเทศไทยไม่ แต่ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะฟังถึงสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าประกอบข้ออ้างของโจทก์ได้

2. การที่ศาลอุทธรณ์ชั่งน้ำหนักคำพยานว่าจำเลยสรวมรอยนำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปจดทะเบียนนั้นชอบแล้ว

3. ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1033 การจัดการย่อมหมายถึงการฟ้องร้องและการต่อสู้คดีเกี่ยวกับประโยชน์ได้เสียของห้างหุ้นส่วนด้วยห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียน ไม่เป็นบุคคลต่างหากจากบุคคลธรรมดา จึงบังคับได้ในเรื่องกรรมสิทธิรวม คดีนี้ไม่มีประเด็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1049 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share