คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้ามรดกระบุจำนวนเนื้อที่ดินและสถานที่ตั้งของที่ดินตรงกับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ที่เจ้ามรดกมีอยู่เพียงแปลงเดียวแต่ระบุว่าเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) อีกเลขหนึ่ง ซึ่งเป็นการผิดหลงไป ข้อกำหนดในพินัยกรรมของเจ้ามรดกจึงไม่ขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1646

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 190 เนื้อที่ 5 ไร่ 66 ตารางวาตามพินัยกรรมของขุนสมบัติพิทักษ์ จำเลยเป็นผู้จัดการของขุนสมบัติพิทักษ์ แต่ไม่ยอมโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 190 ให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาตั้งจำเลยให้เป็นผู้จัดการมรดกของขุนสมบัติพิทักษ์ตามพินัยกรรมฉบับลงวันที่23 ตุลาคม 2523 ซึ่งตามพินัยกรรมดังกล่าวมิได้กำหนดให้ยกทรัพย์มรดกแก่โจทก์แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 190 เนื้อที่ 5 ไร่66 ตารางวา ให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลฎีกามีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ตามพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 1.3เจ้ามรดกได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อปี 2527 ขุนสมบัติพิทักษ์เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับที่ 207 ตำบลคลองฉนากอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 5 ไร่66 ตารางวา ให้แก่โจทก์ ตามพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 1.3เจ้ามรดกมีที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เพียงแปลงเดียว คือที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 190 ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีจังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 5 ไร่ 66 ตารางวา โดยเจ้ามรดกซื้อมาเมื่อปี 2510 ตามหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย ล.7แผ่นที่ 1 ส่วนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 207 ตำบลคลองฉนาก อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นของนายสมนึก พัฒน์กรด ตามเอกสารหมาย ล.10เห็นว่า เจ้ามรดกระบุจำนวนเนื้อที่ดินและสถานที่ตั้งของที่ดินตรงกับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 190ที่เจ้ามรดกมีอยู่ เพียงแต่ระบุว่าเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) ฉบับที่ 207 ซึ่งเป็นการผิดหลงไปโดยเจ้ามรดกระบุเลขที่ของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามเลขที่ของหนังสือสัญญาซื้อขายฉบับที่ 207 ที่เจ้ามรดกซื้อที่ดินมา การที่เจ้ามรดกระบุว่ายกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ฉบับที่ 207 ให้โจทก์จึงมีความหมายว่าเจ้ามรดกยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 190 ให้แก่โจทก์นั่นเอง หาใช่เป็นการยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 207 ของนายสมนึกให้โจทก์ดังที่จำเลยฎีกาไม่ ข้อกำหนดในพินัยกรรมของเจ้ามรดกจึงไม่ขัดต่อข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 เมื่อวินิจฉัยว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 1.3 เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 190 ให้โจทก์การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน

Share