คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางเป็นพาหนะเดินทางไปยังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อลักทรัพย์ และนำทรัพย์ที่ลักกลับจากเกาะนั้นด้วยเรือไม้และเครื่องยนต์ดังกล่าวเป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางไปมาเท่านั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357 ริบเรือไม้ 1 ลำเครื่องยนต์ 1 เครื่อง ไฟฉาย ถ่านไฟฉายและเทียนไข
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ จำคุกคนละ1 ปี 4 เดือน เรือไม้ เครื่องยนต์ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย และเทียนไขของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ ส่วนคำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยที่ 4 ฎีกาได้แต่เฉพาะกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งห้าได้ใช้เรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะไปกระทำความผิดลักรังนกอีแอ่นบนเกาะเหลาบาตัง ซึ่งนายอภิชาติ กิจประสาน ได้รับสัมปทานเป็นผู้มีสิทธิเก็บรังนกอีแอ่นบนเกาะดังกล่าว เมื่อจำเลยทั้งห้าลักรังนกอีแอ่นได้แล้ว ขณะที่พากันกลับมาลงเรือของกลางก็ถูกจับ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้นได้ความว่าเรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางเป็นเพียงยานพาหนะที่จำเลยทั้งห้าใช้เดินทางไปยังเกาะที่เกิดเหตุเพื่อกระทำความผิดลักทรัพย์ แม้จะใช้เป็นยานพาหนะนำทรัพย์ที่ลักกลับจากเกาะนั้นด้วยก็คงเป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางไปมาเท่านั้น จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบเรือไม้และเครื่องยนต์ของกลางนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 4 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบเรือไม้และเครื่องยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”.

Share