คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาซื้อขาย ผู้ขายตกลงส่งสินค้าให้ผู้ซื้อภายในกำหนด 4 เดือนนับแต่วันทำสัญญา ผู้ซื้อจะต้องชำระหนี้ให้แก่ผู้ขายเป็นงวดๆ งวดสุดท้ายจะต้องชำระภายใน 3 เดือน นับแต่ผู้ขายส่งมอบของ เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบของแก่จำเลยแล้ว หนี้ที่เกี่ยวกับเรียกเอาค่าที่ส่งมอบของเช่นนี้ผู้ขายจะต้องฟ้องเรียกร้องเสียภายในกำหนดสองปี มิฉะนั้นเป็นอันขาดอายุความ
เมื่อสิทธิเรียกร้องของผู้ขายขาดอายุความแล้ว ผู้ซื้อซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ได้บอกปัดการชำระหนี้ และได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ กลับมีหนังสือถึงผู้ขายขอชำระหนี้ต่อไปทั้งได้ชำระหนี้ให้อีกบ้าง ผู้ขายก็ได้ตอบสนองรับไป เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดตามสัญญา ผู้ซื้อย่อมผูกพันตามสัญญาการรับสภาพความรับผิดนั้น (อ้างฎีกาที่ 1838/2506) และเมื่อผู้ซื้อผิดนัดอีกผู้ขายย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อชำระหนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๐๙ จำเลยได้ทำสัญญาซื้อหม้อแปลงแรงไฟฟ้า ๓ ลูก รวมราคา ๕๙,๘๐๐ บาทไปจากโจทก์ ชำระเงินให้แล้ว ๕,๙๘๐ บาท ที่เหลือจะชำระเป็นสองงวด งวดที่หนึ่งในวันส่งมอบของให้จำเลย งวดที่สองภายในสามเดือนนับแต่วันส่งมอบของ โจทก์ได้มอบของดังกล่าวให้จำเลยแล้ว แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินตามที่ตกลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ว่าเงินที่ค้างชำระนั้นจะผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท จนกว่าจะชำระหมดโดยชำระคราวแรกในเดือนเมษายน ๒๕๑๒ โจทก์ได้มีหนังสือตอบจำเลยว่าให้ชำระเงินที่ค้าง ภายใน ๖ เดือน นับแต่เดือนมีนาคม ๒๕๑๒ แต่จำเลยก็ไม่ได้ชำระเงินให้ในที่สุดวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๑๒ จำเลยได้ชำระให้โจทก์อีก ๕,๐๐๐ บาท วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๑๒ จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ขอชำระเงินส่วนที่ค้างเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๒ ครั้นถึงกำหนดจำเลยผิดนัดอีก โจทก์ทวงถามแล้วหลายครั้ง จึงขอให้บังคับใช้เงินและค่าเสียหายเท่ากับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า สัญญาซื้อขายไม่ผูกพันบริษัทจำเลย มูลฟ้องโจทก์เป็นกรณีพ่อค้าฟ้องเรียกค่าที่ได้มอบของซึ่งมีอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๑) เพียง ๒ ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความหนังสือฉบับลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ ไม่มีลักษณะเป็นหนังสือรับสภาพหนี้หากจะเป็นก็ขาดอายุความฟ้องร้องอีกเช่นกัน
ในชั้นพิจารณา โจทก์ส่งอ้างเอกสารเป็นพยาน ๒๐ ฉบับ โจทก์จำเลยแถลงรับกันตามเอกสารที่โจทก์อ้างบางประการแล้ว ต่างไม่สืบพยานอื่น ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายเป็นเอกสารที่บริษัทจำเลยทำขึ้นไม่ได้ แต่หลังจากนั้นบริษัทจำเลยได้ขอผ่อนผันชำระหนี้ตามสัญญานี้ เท่ากับเป็นการให้สัตยาบัน จึงผูกพันบริษัทจำเลยหนังสือลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ ซึ่งบริษัทจำเลยทำขึ้นเป็นหนังสือรับสภาพหนี้เอกสารหมาย จ.๑๗ ลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๑๒ ก็เป็นหนังสือรับสภาพหนี้โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๑๔ ยังไม่เกิน ๒ ปี ไม่ขาดอายุความพิพากษาให้จำเลยใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามที่โจทก์ขอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาซื้อขายลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๐๙ (เอกสารหมาย จ.๑) โจทก์ผู้ขายตกลงส่งสินค้าให้จำเลยผู้ซื้อภายในกำหนด ๔ เดือน นับแต่วันทำสัญญา จำเลยผู้ซื้อจะต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์ผู้ขายเป็นงวด ๆ งวดสุดท้ายจำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ภายใน ๓ เดือนนับแต่โจทก์ส่งมอบของ คือ ภายในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๐๙ เป็นอย่างช้า โจทก์ผู้ขายส่งมอบของแก่จำเลยแล้ว หนี้ที่เกี่ยวกับเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของเช่นนี้ โจทก์ผู้ขายจะต้องฟ้องเรียกร้องเสียภายในกำหนด ๒ ปี ตามมาตรา ๑๖๕(๑) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือ ต้องฟ้องภายในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๑๑มิฉะนั้นตกเป็นอันขาดอายุความ แต่ข้อเท็จจริงหาได้ยุติเพียงแค่นี้ไม่โดยปรากฏว่าหลังจากสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความแล้วคือเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ จำเลยได้มีหนังสือถึงโจทก์รับรองว่าบริษัทจำเลยได้ซื้อหม้อแปลงแรงไฟฟ้าจากโจทก์ตามสัญญาลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๐๙ เป็นจำนวนเงิน ๕๙,๘๐๐ บาท บริษัทจำเลยชำระให้แล้ว ๕,๙๘๐ บาท ยังคงค้างอยู่ ๕๓,๘๒๐ บาท บริษัทจำเลยจะชำระให้โจทก์เป็นการเสร็จสิ้นไป โดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท นับแต่เดือนเมษายน ๒๕๑๒ (เอกสารหมาย จ.๒) เอกสารฉบับนี้มีกรรมการสองคนลงชื่อและประทับตราของบริษัท จำเลยเป็นการครบถ้วนตามข้อบังคับบริคณห์สนธิของจำเลย โจทก์ก็ได้มีหนังสือถึงจำเลยตามเอกสารหมาย จ.๔ จ.๖ เร่งรัดให้จำเลยชำระหนี้ตามที่ขอผ่อนผันไว้แต่จำเลยผิดนัด โจทก์จำเลยมีหนังสือติดต่อกันอีกหลายฉบับ และจำเลยส่งเงินชำระหนี้ให้โจทก์ ๕,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๑๒ (เอกสารหมาย จ.๑๔) ต่อจากนั้นมาจำเลยผิดนัดอีก โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ จำเลยได้ตอบไปตามหนังสือลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๑๒ ใจความว่าบริษัทจำเลยเสียใจที่มิได้ปฏิบัติชำระหนี้ให้เป็นไปตามที่ตกลงไว้บริษัทจำเลยขอเลื่อนการชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๒เป็นต้นไป (เอกสารหมาย จ.๑๗) ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๑ ขาดอายุความแล้วบริษัทจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ไม่ได้บอกปัดการชำระหนี้ และได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความกลับมีหนังสือถึงโจทก์ขอชำระหนี้ต่อไปทั้งได้ชำระหนี้ให้อีก ๕,๐๐๐ บาท โจทก์ก็ได้ตอบสนองรับไปแล้วเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดโดยสัญญาจำเลยย่อมผูกพันตามสัญญาการรับสภาพความรับผิดนั้นตามมาตรา ๑๘๘ วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๓๘/๒๕๐๖ นายเจือ เอี่ยมแจ๋ โจทก์ เด็กชายชาญจินดาอิ่ม ผู้เยาว์โดยนายโชติ จินดาอิ่ม ผู้ปกครอง จำเลย เมื่อจำเลยผิดนัดอีกโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้ แม้จะถือตามอายุความเพียง ๒ ปี ดังที่จำเลยต่อสู้ เมื่อนับจากวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๑๒ ซึ่งจำเลยรับสภาพความรับผิดโดยสัญญา จนถึงวันโจทก์ฟ้องคดี เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๑๔ คดีโจทก์ก็ยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share