คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่งอกริมตลิ่งที่จะถือว่าเป็นของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น ต้องเป็นที่งอกที่ติดต่อเป็นแปลงเดียวกับที่ดินของเจ้าของ หากมีถนนหรือทางหลวงคั่นอยู่ระหว่างที่ของเจ้าของที่งอกแล้วจะอ้างว่าที่งอกเป็นของตนด้วยไม่ได้.

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์จำเลยได้แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๒๔๘ กันตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดอ่างทอง คดีแดงที่ ๓๓๔/๒๔๙๐ แล้ว โจทก์ฟ้องว่ามีที่ดินงอกติดต่อกับทางหลวงและที่ดินโฉนดลงมาติดถนนหลวงสายริมแม่น้ำเจ้าพระยาหมาย ๓ และ ๔ กับที่ดินงอกอีกตอนหนึ่งหมาย ๕ และ ๖ ต่อจากถนนหลวงสายริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำเลยครอบครองเสียผู้เดียวไม่ยอมให้โจทก์เข้าแบ่งด้วย ขอให้ขับไล่จำเลยจากที่หมาย ๔ และ ๖
จำเลยให้การว่า ที่ที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ที่แปลงเดียวกับที่โฉนด และไม่ใช่ที่งอก เป็นที่จำเลยครอบครองมากว่า ๒๐ ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำพิพากษาคดีดังกล่าวให้แบ่งกันแต่ที่โฉนด ไม่ได้แบ่งกันถึงที่ที่ฟ้อง โจทก์จะถือเอาว่าที่หมาย ๔ และ ๖ เป็นของโจทก์และฟ้องขับไล่ไม่ได้ ชอบที่จะฟ้องขอแบ่ง ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่งอกริมตลิ่งซึ่งจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของ ตามมาตรา ๑๓๐๘ ที่ดินนั้นต้องมีเนื้อที่จดริมตลิ่งที่งอกที่ที่ฟ้องไม่จดตลิ่งมีถนนหลวงคั่นอยู่ จะถือว่าที่พิพาทเป็นส่วนของโจทก์ทันทีไม่ได้ และโจทก์รับว่า จำเลยครอบครอง จะฟ้องขับไล่จำเลยผู้เป็นเจ้าของร่วมไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่งอกทั้งสองตอนนั้น หาใช่ที่ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ไม่ แต่เป็นที่งอกอันติดต่อกับทางหลวงและถนนหลวง โจทก์จะถือสิทธิเป็นเจ้าของตามมาตรา ๑๓๐๘ ไม่ได้ เพราะโจทก์มิใช่เจ้าของทางหลวงและถนนหลวงที่งอกนั้น โจทก์หามีสิทธิอ้างทางหลวงและถนนหลวงเป็นของโจทก์ไม่ ที่โจทก์อ้างมาในฎีกาว่าถนนหลวงย่อมสร้างหรือมีขึ้นภายหลังที่ได้เกิดที่งอกนั้นแล้ว ถ้าสงสัยก็สั่งให้สืบพะยานต่อไปนั้น ข้อนี้โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องและชั้นศาลแพ่ง พิพากษายืน.

Share