แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
1. เมื่อคู่ความท้ากันให้ส่งสัญญากู้เงินที่พิพาทไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายเซ็นใน+ผู้กู้เปรียบเทียบกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารซึ่งโจทก์จำเลยรับกันย่อมเป็นที่เข้าใจว่าได้ให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งของกองวิทยาการกรมตำรวจ เป็นผู้ตรวจพิสูจน์
2. และเมื่อคู่ความท้ากันไว้ว่า ถ้าผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าเป็นลายเซ็นคน ๆ เดียวกัน จำเลยยอมแพ้ แต่ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ย่อมแพ้ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และศาลได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือไม่
ดังนั้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วมีความเห็นว่าไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามที่ท้ากันไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินกู้ตามสัญญาท้ายฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ในชั้นพิจารณา คู่ความท้ากันให้ส่งเอกสารสัญญากู้หมาย จ.๑ ไปให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์หลักฐานกองวิทยาการกรมตำรวจพิสูจน์ลายเซ็นถ้าผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์มีความเห็นเชื่อว่า ลายเซ็นในช่องผู้กู้ในเอกสารหมาย จ.๑ เป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกับลายเซ็นในเอกสารอีก ๗ ฉบับ ซึ่งคู่ความรับกันว่าเป็นลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลย จำเลยยอมแพ้ ถ้าผู้ชำนาญเห็นว่าไม่น่าเชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกันโจทก์ยอมแพ้
ศาลชั้นต้นส่งเอกสารไปให้ผู้ชำนาญ ฯ ตรวจ ผู้ชำนาญ ฯ มีความเห็นว่า ลักษณะการเขียน การลากเส้น กดปากกา ตลอดจนรูปร่างลักษณะของตัวอักษรแตกต่างกัน จึงน่าเชื่อว่าไม่ใช่ลายเซ็นชื่อของบุคคลคนเดียวกัน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างผู้เชี่ยวชาญ และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ และมิได้ระบุตัวบุคคลให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งศาลก็มิได้กำหนดตัวผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา ๙๙,๑๒๙,๑๓๐ จะถือเอาผู้เชี่ยวชาญและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานในการพิพากษาคดีไม่ได้ นั้น ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๐๕ ที่คู่ความท้ากันให้ส่งเอกสารหมาย จ.๑ (คือ หนังสือสัญญากู้เงินรายนี้) ไปให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์ลายเซ็นคำว่า “ส่อง ผลอ่อน” ในช่องผู้กุ้ เปรียบเทียบกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารต่าง ๆ อีก ๗ ฉบับ โดยมิได้ระบุตัวผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าให้ผู้เชี่ยวชาญคนใดคนคนหนึ่งของกองวิทยาการกรมตำรวจเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ และเมื่อผู้เชี่ยวชาญกองวิทยาการกรมตำรวจได้พิสูจน์แล้ว มีความเห็นว่า เป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน จำเลยยอมแพ้ ถ้ามีความเห็นไม่เชื่อว่าเป็นลายเซ็นของคน ๆ เดียวกัน โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ คดีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยดังข้อฎีกาของโจทก์แล้ว เพราะเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายท้าพยานกัน โดยยอมรับนับถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทำการตรวจพิสูจน์ตามความประสงค์ของคู่ความเป็นข้อแพ้และชนะ เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์แล้วมีความเห็นว่า ลายเซ็นชื่อคำว่า “ส่อง ผลอ่อน” ในช่องผู้กู้ตามเอกสารหมาย จ.๑ ไม่ใช่ลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกันกับลายเซ็นอันแท้จริงของจำเลยในเอกสารต่าง ๆ อีก ๗ ฉบับ ก็ย่อมรับฟังได้ตามกฎหมายว่า ลายเซ็นชื่อคำว่า “ส่อง ผลอ่อน” ในช่องผู้กู้ตามเอกสารหมาย จ.๑ ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย โจทก์จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า ฎีกาข้ออื่นของโจทก์นอกจากนี้ไม่มีประเด็นแก้คดี ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน