คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

รถยนต์ของจำเลยที่ 1 กับที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 2 รับประกันภัยขับชนรถโจทก์ที่ 1 เป็นเหตุให้โจทก์อีก 6 คนที่โดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บ ข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของผู้เสียหายทั้งเจ็ดมีลักษณะอย่างเดียวกัน ทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกันด้วย ผู้เสียหายทั้งเจ็ดมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีย่อมร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามในคำฟ้องเดียวกันได้
การที่ผู้รับประกันภัยยอมซ่อมรถที่เสียหายเนื่องจากรถของผู้เอาประกันภัยแต่โดยดี แสดงว่าไม่มีการโต้แย้งกันในเรื่องผู้ขับรถของผู้เอาประกันภัยมีใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จึงถือได้ว่าผู้รับประกันภัยสละสิทธิไม่ติดใจที่จะให้ผู้เอาประกันภัยปฏิบัติตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่ระบุให้ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่นำหลักฐานมาแสดงเพื่อพิสูจน์ว่า ผู้ขับรถยนต์ในขณะเกิดอุบัติเหตุได้รับอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันชำระค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งเจ็ดพร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งเจ็ดพร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ทางพิจารณาได้ความจากพยานหลักฐานโจทก์ทั้งเจ็ดและจำเลยทั้งสามว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2519 โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7โดยสารมาในรถยนต์หมายเลขทะเบียน ก.ท.ฬ. 4785 ของโจทก์ที่ 1 ซึ่งนายประสาท ตั้งวัฒนพิบูลย์เป็นคนขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ร.บ. 04181 ของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 ตามกรมธรรม์ประกันภัยหมายเลข ป.จ. 1 โดยนายกีเป็นคนขับไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ด้วยความประมาทเลินเล่อจนทำให้รถยนต์ของโจทก์ที่ 1 ได้รับความเสียหาย และโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 7 ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 1 ทราบเหตุชนกันในวันรุ่งขึ้นจึงได้แจ้งให้ตัวแทนของจำเลยที่ 2 อยู่ที่บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีทราบและออกไปดูที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 2 สั่งนายอำนวยพนักงานอุบัติเหตุจากสำนักงานใหญ่ไปตรวจสอบเหตุที่รถยนต์ชนกันในคดีนี้ จำเลยที่ 2 ได้ซ่อมรถยนต์ของนายภราดร ตันไพบูลย์พาณิชย์ ที่ถูกรถยนต์จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ชนเสร็จแล้ว ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 แจ้งในทันทีว่านายกีเป็นคนขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 1 จำชื่อจริงของนายกีไม่ได้ ปัญหาในชั้นฎีกามีว่าโจทก์ทั้งเจ็ดร่วมกันฟ้องจำเลยทั้งสามได้หรือไม่ และจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ผิดเงื่อนไขข้อ 1.7 ในกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ปล.1 อันเป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่

พิเคราะห์แล้ว ปัญหาแรกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ามูลคดีเรื่องนี้เกิดขึ้นและทำให้ ผู้เสียหายทั้งเจ็ดได้รับความเสียหายในคราวเดียวกัน ข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของผู้เสียหายทั้งเจ็ดมีลักษณะอย่างเดียวกันทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกันด้วย ผู้เสียหายทั้งเจ็ดมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี ย่อมร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามในคำฟ้องเดียวกันได้

ปัญหาหลังนั้น ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ปล.1 ข้อ 1.7 ว่า ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่นำหลักฐานมาแสดงต่อผู้รับประกันภัยเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ขับรถยนต์ในขณะเกิดอุบัติเหตุได้รับอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวก็ต่อเมื่อผู้รับประกันภัยทวงถามเอาใบอนุญาตขับรถยนต์หรือโต้แย้งว่าผู้ขับรถยนต์ขณะเกิดเหตุไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับคดีเรื่องนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ทวงถามเอาใบอนุญาตขับรถยนต์หรือโต้แย้งว่าใบอนุญาตขับรถยนต์ของนายกีไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ประการใด การที่จำเลยที่ 2 ยอมซ่อมรถยนต์ของนายภราดร ตันไพบูลย์พาณิชย์ ประมาณ1,000 กว่าบาทแต่โดยดี แสดงว่าไม่มีการโต้แย้งกันในเรื่องนายกีมีใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จึงถือได้ว่า จำเลยที่ 2 สละสิทธิไม่ติดใจที่จะให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ปฏิบัติตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว ครั้นโจทก์ทั้งเจ็ดทวงถามและฟ้องจำเลยทั้งสามเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก จำเลยที่ 2 จึงได้โต้แย้งว่าจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ไม่แสดงใบอนุญาตขับรถยนต์ของนายกีตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยและอ้างว่าสืบทราบมาว่านายกีไม่ได้รับอนุญาตขับรถยนต์ได้ตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่านายวิชัยนพสุวรรณ ทนายจำเลยที่ 2 เบิกความรับว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 บอกในทันทีว่านายกีเป็นคนขับรถยนต์จำเลยที่ 1 แต่จำชื่อจริงของนายกีไม่ได้และฟังได้จากพยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 ว่านายกีมีชื่อจริงว่านายชิ้น แซ่เล้า ดังนั้นชื่อจริงของนายกีที่จำเลยที่ 1 บอกในชั้นสอบสวนว่าจำไม่ได้นั้นก็คือนายชิ้น แซ่เล้า ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกับนายกี และปรากฏว่านายชิ้น แซ่เล้า เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย ตามเอกสารหมาย ปล.2 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายกีหรือชิ้น แซ่เล้า ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ในขณะเกิดเหตุได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายแล้วเช่นนี้ จำเลยที่ 1 กับที่ 3 ก็มิใช่เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยดังจำเลยที่ 2 ฎีกา จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 และจำเลยี่ 3 รับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งเจ็ดดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัย”

พิพากษายืน

Share