แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถบรรทุกน้ำมันยอมให้รถที่ตามมาแซงขึ้นแล้วแต่ยังแซงไม่พ้น จำเลยกลับแข่งและกินทางเข้าไปในทางรถที่แซง จึงเฉี่ยวกันจำเลยประมาทเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 29,66 ซึ่ง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4),157 ยังเป็นผิด แต่โทษสูงกว่า ลงโทษตาม พระราชบัญญัติเดิม เดิม
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 1,000 บาท ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29, 66 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุให้เชื่อว่า สาเหตุที่รถทั้งสองคันชนกันเกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกน้ำมัน โดยจำเลยที่ 1 ยอมให้รถจำเลยที่ 2 แซงขึ้นหน้าแล้ว แต่รถจำเลยที่ 2 แซงยังไม่พ้น จำเลยที่ 1 กลับขับรถแข่งกันไปกับรถจำเลยที่ 2 และขับกินทางเข้าไปในทางของรถจำเลยที่ 2 เป็นเหตุให้รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันดังกล่าว จำเลยที่ 1จึงมีความผิดฐานขับรถประมาท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
ปรากฏในชั้นพิจารณาของศาลฎีกาว่า พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2477 มาตรา 29, 66 ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ขณะจำเลยกระทำผิดได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เสียแล้ว ส่วนการขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินยังคงถือเป็นความผิดอยู่ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43(4), 157 แต่มีโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึงหนึ่งพันบาท ซึ่งโทษสูงกว่ากฎหมายขณะจำเลยกระทำผิด ซึ่งมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท จึงต้องใช้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29, 66 ที่แก้ไขแล้ว อันเป็นคุณแก่จำเลยบังคับคดีตามนัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น”