คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบธุระกิจการค้า แม้จะอาศัยอยู่ในตึกด้วย ก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน.
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
(อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์เพื่อประกอบธุรกิจการค้า โดยไม่มีกำหนดเวลา ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๔๘๐ ครั้นวันที่ ๗ เมษายน ๒๔๙๐ โจทก์บอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ส่งคืน ให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า ได้อาศัยอยู่ในตึกเช่าของโจทก์ ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ และตามสัญญามีว่า เมื่อเช่าครบ ๓ ปีแล้ว ให้ทำสัญญาเช่ากันใหม่ต่ออีก ๓ ปี โจทก์ไม่ยอมทำสัญญาให้จำเลย ๆ มีสิทธิเช่าต่อไป
ชั้นพิจารณา โจทก์แถลงว่า จำเลยอยู่อาศัยและค้าขายด้วย แต่ค้าขายเป็นประธาน จำเลยว่าไม่ใช่ค้าเป็นประธานหรือส่วนใหญ่
ศาลชั้นต้นงดสืบพะยาน พิพากษาว่า ตาม พ.ร.บ.ควบคุาค่าเช่าฯ ๒๔๙๐ จำเลยจะค้าเป็นส่วนใหญ่ หรืออยู่เป็นส่วนใหญ่ก็ได้รับความคุ้มครองให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้า จำเลยต่อสู้ว่า ได้เช่าจริงและจำเลยได้อาศัยอยู่ในตึกเช่าของโจทก์นั้น จำเลยไม่ได้ต่อสู้เลยว่าไม่ได้เช่าตึกเพื่อประกอบธุรกิจการค้าดังโจทก์อ้างมาในฟ้อง จึงต้องถือว่าจำเลยรับในข้อนี้ แต่จำเลยเถียงว่าได้อยู่อาศัยด้วย เมื่อจำเลยเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้า ก็ไม่ใช่เช่าเคหะ และไม่ตกอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ แก้ไข ๒๔๙๐ แต่ตามคำฟ้องและคำให้การของคู่ความยังมีประเด็นอื่นอีก จึงพิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

Share