แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ร่วมอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงตั้งแต่สิบคนขึ้นไปและเป็นผู้จุดไฟเผาทรัพย์สินของผู้อื่นอันเป็นการเข้าร่วมมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปและกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 215 วรรคสอง 217 และ 358 ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องกระจายเสียงว่าไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกระทำผิดกฎหมายซึ่งเป็นการสั่งให้เลิกมั่วสุมในการก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ได้มั่วสุมและกระทำการก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 216 ที่มุ่งประสงค์ลงโทษผู้ที่ขัดขืนคำสั่งของเจ้าพนักงานอันเป็นการกระทำที่ยังไม่ถึงขั้นความผิดสำเร็จตามมาตรา 215
การวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 90, 91, 138, 140, 215, 216, 217, 229, 231, 295, 296, 358 พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 4, 6, 39, 71 และริบท่อนไม้แปรรูป เศษขวดแก้ว ก้อนหินของกลาง
จำเลยทั้ง 56 คน ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 13 ที่ 25 ที่ 30 ที่ 51 และที่ 53 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีในส่วนของจำเลยที่ถึงแก่ความตายออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 216 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 216 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 ปี และมีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น กับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217, 358 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา 217 จำคุก 6 เดือน อีกกระทงหนึ่ง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง สมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ร่วมอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงและทำการจุดไฟเผาทรัพย์สินของผู้อื่นอันเป็นการชักนำให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมีอาวุธ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสอง, 217 และ 358 สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานไม่ยอมเลิกมั่วสุมกันเพื่อกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 นั้น ได้ความจากนายวีระ นายวิเชียร เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของบริษัทไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด นายวีระ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการในขณะนั้นพยานโจทก์ซึ่งร่วมเจรจากับตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงว่า เวลาประมาณ 18 นาฬิกา ฝ่ายบริหารของบริษัทได้นำประกาศเรื่องการจ่ายเงินโบนัสไปแจกจ่ายให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกลับเอาประกาศดังกล่าวไปจุดไฟเผาจนเหตุการณ์บานปลาย โดยกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงทุบทำลายสิ่งของและขว้างปาสิ่งของเข้าไปในบริษัทจนเกิดความวุ่นวายขึ้น จนเวลาประมาณ 20 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจจึงประกาศผ่านเครื่องกระจายเสียงว่าไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการสั่งให้เลิกมั่วสุมในการก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ได้มีการมั่วสุมและกระทำการที่เป็นการก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 ตามที่โจทก์ฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธเป็นความผิดคนละกรรมกับความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 หาใช่เป็นความผิดคนละกรรมต่างกันไม่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 วรรคสอง, 217 และ 358 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม มาตรา 217 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดแต่เพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 6 เดือนคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 เดือน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216 ให้ยก นอกจากที่แก้ไขให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1