แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การทำใบมอบอำนาจปลอมว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมอบให้ทำการโอนกรรมสิทธิ์แทนนั้น ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ถึงแม้(จะใช้แบบพิมพ์ของสำนักงานที่ดินและ)เจ้าพนักงานได้บันทึกว่าตรวจแล้ว ก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดที่ 2646 และ 3039 เดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของนายเวงปึง โจทก์ซื้อจากนายเวงปึง 470,000 บาท โดยมีข้อสัญญาว่าโจทก์จะใส่ชื่อผู้ใดเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ก็ได้ นายเวงปึงได้มอบโฉนดพร้อมกับใบมอบอำนาจของสำนักงานที่ดินที่นายเวงปึงได้ลงนามไว้ให้โจทก์เพื่อใช้ทำการโอน ต่อมาโจทก์ได้มอบโฉนดและใบมอบอำนาจนั้นไว้กับจำเลยที่ 1 เพื่อเป็นประกันหนี้ที่ผู้อื่นได้กู้จากจำเลยที่ 1 ระหว่าง 30 กันยายน ถึง 13 พฤศจิกายน 2494 จำเลยทั้งสามกับพวกได้บังอาจทำหนังสือมอบอำนาจปลอมขึ้นทั้งฉบับมีความว่า นายเวงปึงมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 (น่าจะเป็นที่ 3) ทำนิติกรรมโอนขายที่ดิน 2 โฉนดนั้นแทนนายเวงปึง วันที่ 13พฤศจิกายน 2494 จำเลยที่ 2, 3 ได้ใช้เอกสารปลอมนั้นไปจดทะเบียนโอนที่ดินโดยจำเลยที่ 3 ขอโอนขายให้จำเลยที่ 2 เพียง 2 แสนบาทพนักงานที่ดินหลงเชื่อได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ ความจริงนายเวงปึงหรือโจทก์ไม่เคยมอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 โอนขายให้จำเลยที่ 2 ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงเอาที่ดินของโจทก์ โจทก์เพิ่งทราบการกระทำผิด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 341, 83
ต่อมาโจทก์ได้รับอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าว จำเลยได้นำเอกสารสิทธิให้ทางราชการเจ้าพนักงานสำนักงานที่ดินฯ ตรวจรับรองในหน้าที่ว่าเป็นใบมอบที่ใช้ได้ตามกฎหมายเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารในราชการ และเพิ่มบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 และกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 222, 223, 224, 225, 62, 70
เกี่ยวกับใบมอบอำนาจนี้ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ และเมื่อวินิจฉัยข้ออื่นด้วยแล้ว พิพากษายกฟ้อง (โดยสั่งงดการไต่สวนมูลฟ้องก่อนแล้ว)
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าคดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความนั้นเห็นว่าโจทก์จะโต้แย้งว่าใบมอบอำนาจตามฟ้องนั้นเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นหนังสือราชการ หาฟังขึ้นไม่ เพราะหนังสือมอบอำนาจก็คือเอกสารธรรมดาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้มอบหมาย(มอบ) ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจจัดการทำนิติกรรมแทนผู้มอบ แม้เจ้าพนักงานจะได้บันทึกว่าตรวจแล้วก็มิได้หมายความว่าเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในความถูกต้องแท้จริงแต่อย่างใดไม่เพราะเอกสารนั้นทำมาจากที่อื่นก่อนถึงเจ้าพนักงาน จึงเป็นเพียงเอกสารธรรมดา มีอายุความฟ้องร้องเพียง 5 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว เมื่อคดีโจทก์ขาดอายุความเสียแล้ว ฎีกาข้ออื่น ๆก็ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน