แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยได้นับแต่นั้น การที่โจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยทันทีแต่ยินยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปอีกมิใช่เป็นการแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่จำเลย ไม่มีผลทำให้หมายบังคับคดีสิ้นผลหรือเสียไป ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่ผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ให้โอกาส โจทก์ย่อมขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้ ไม่จำต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีใหม่อีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,184,376 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง โดยผ่อนชำระเดือนละ 20,000 บาท ทุกวันที่ 10 ของเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์ทั้งสองบังคับคดีได้ทันที จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษา 5 งวด แล้วไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดีศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี หลังจากนั้นจำเลยได้ผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปอีกบางส่วนแล้วผิดนัดไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินรวม 6 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด
จำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยโดยไม่ชอบเพราะการที่โจทก์ทั้งสองยินยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปอีกเป็นการแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่จำเลย เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์ทั้งสองต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกครั้งโดยระบุถึงจำนวนหนี้ที่ยังไม่ได้รับชำระเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาต่อไป ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การบังคับคดีของโจทก์ทั้งสองชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่าคดีนี้โจทก์ทั้งสองและจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลและศาลชั้นต้นพิพพากษาตามยอมโดยสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อสำคัญว่า จำเลยยอมชำระเงินจำนวน 1,184,376 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง โดยผ่อนชำระเดือนละ 20,000 บาท ทุกวันที่ 10 ของเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมดยอมให้โจทก์ทั้งสองบังคับคดีได้ทันที จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษารวม 5 งวด แล้วผิดนัดไม่ชำระ โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นจึงออกหมายบังคับคดี เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ทั้งสองแล้ว โจทก์ทั้งสองก็ย่อมมีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยได้นับแต่นั้น การที่โจทก์ทั้งสองมิได้ดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยทันทีแต่ยินยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปอีกหาใช่เป็นการแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่จำเลยไม่ แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ทั้งสองให้โอกาสจำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้ถูกต้องครบถ้วนอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น ไม่มีผลทำให้หมายบังคับคดีดังกล่าวสิ้นผลหรือเสียไปแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่ผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ทั้งสองให้โอกาสโจทก์ทั้งสองก็ย่อมมีสิทธิบังคับคดีแก่จำเลยโดยขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้ กรณีไม่จำต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีใหม่อีกเพราะหมายบังคับคดีฉบับเดิมยังมีผลอยู่ การที่โจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยออกขายทอดตลาดจึงเป็นการบังคับคดีโดยชอบ ไม่มีเหตุที่จำเลยจะขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ