คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเขียนข้อความในเอกสารหมาย จ.1 ว่าโจทก์เป็นคนดอกทอง จำเลยมีปากเสียงกับโจทก์บ่อย ๆ 3 วันครั้งบ้าง 5 วันครั้งบ้าง เพราะระแวงว่าโจทก์ไปติดต่อกับชายอื่น แม้ในวันแต่งงานเมื่อจำเลยทราบว่าโจทก์ไปรับของขวัญจากชายอื่นจำเลยไม่พอใจมาก พอตกกลางคืนก็ว่าโจทก์คงทำมิดีมิร้าย คือ คงจะได้เสียกับชายอื่น ต่อมาอีก 2 – 3 วันก็ว่าโจทก์อีก และว่าโจทก์ดอกทอง เป็นผู้หญิงไม่ดี จำเลยด่าว่าโจทก์บ่อย ๆ กับว่าถึงพ่อแม่โจทก์ว่าไม่ดี ไม่สั่งสอนลูกด้วย ดังนี้ เห็นว่าที่จำเลยด่าโจทก์ เพราะโจทก์ไปรับของขวัญจากชายอื่นในวันแต่งงานกับจำเลย จำเลยข้องใจเชื่อว่าโจทก์คงได้เสียกับชายคนนั้น จึงว่าโจทก์คงได้เสียกัน ต่อมาก็ว่าโจทก์ทำนองเดียวกันอีกที่จำเลยด่าโจทก์ว่า คนดอกทอง มีความหมายว่าโจทก์ประพฤติตนเป็นหญิงใจง่ายในทางประเวณี มิใช่เป็นเพียงผรุสวาจา และมิใช่เป็นการด่าว่าด้วยมีโทสะจริตวู่วามขึ้นมาขณะหนึ่ง หากแต่จำเลยด่าว่าโจทก์บ่อย ๆ ซึ่งย่อมเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายทางจิตใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น ๆ เช่นนี้ การกระทำของจำลเยตั้งแต่ต้นจนถึงในที่สุดรวมกันชี้ให้เห็นว่า เป็นการกระทำด้วยเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์และเป็นการร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500 (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ว่าโจทก์เคยร่วมประเวณีกับชายอื่นมาก่อนสมรส และเมื่อสมรสแล้วยังทำชู้กับชายคนเดิมอีก และได้ว่าโจทก์ว่าอีดอกทอง แม่มันดอกทอง ลูกมันจึงดอกทอง ฯลฯ ขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภริยากัน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาให้หย่าขาดจากกัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่เป็นการหมิ่นประมาท ถ้าเป็นการหมิ่นประมาทก็ไม่ร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้เขียนข้อความในเอกสารหมาย จ.๑ โดยว่า โจทก์เป็นคนดอกทอง จำเลยมีปากเสียงกับโจทก์บ่อย ๆ ๓ วันครั้งบ้าง ๕ วันครั้งบ้าง เพราะจำเลยระแวงว่าโจทก์ไปติดต่อกับชายอื่นหรือชายคนเดิม แม้ในวันแต่งงานเมื่อจำเลยทราบว่าโจทก์ไปรับของขวัญจากชายอื่น จำเลยไม่พอใจมาก พอตกกลางคืนก็ว่าโจทก์คงทำมิดีมิร้าย คือ คงจะได้เสียกับชายอื่น และต่อมาอีก ๒ – ๓ วันก็ว่าโจทก์อีก และว่าโจทก์ดอกทอง เป็นผู้หญิงไม่ดี จำเลยด่าหรือว่าโจทก์บ่อย ๆ กับว่าถึงพ่อแม่โจทก์ว่า ไม่ดี ไม่สั่งสอนลูกด้วย
ปัญหามีว่า เป็นการหมิ่นประมาทและร้ายแรงหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยว่าหรือด่าโจทก์นั้นเพราะโจทก์ไปรับของขวัญจากชายอื่นในวันแต่งงานกับจำเลย และออกไปรับที่บ้านคนอื่น โดยจำเลยไม่ทราบมาก่อนด้วย ทำให้จำเลยข้องใจ เชื่อไปในทางที่ว่าโจทก์คงเคยได้เสียหรือลักลอบได้เสียกับชายคนนั้นอีก จึงได้ว่าโจทก์ว่า คงทำมิดีมิร้ายคือได้เสียกัน (กับชายคนนั้น) แล้วต่อ ๆ มาก็ว่าโจทก์ในทำนองเดียวกันอีกบ่อย ๆ คำด่าหรือคำว่าของจำเลยที่ว่าโจทก์ว่าดอกทอง ผู้หญิงไม่ดี หรือคนดอกทอง เมื่อรับหมั้นแล้ว การกระทำที่ไม่ดีนั้นมีสาเหตุดังกล่าวมา จึงเป็นคำด่าหรือคำว่าที่มีความหมายว่า โจทก์ประพฤติตนเป็นผู้หญิงใจง่ายในทางประเวณี ยินดีเสพกามคุณกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีแห่งตน อันมีความหมายว่าโจทก์เป็นคนเลวทรามต่ำช้า มิใช่เป็นเพียงผรุสวาจาและมิใช่เป็นการด่าว่าด้วยมีโทสะจริตวู่วามขึ้นมาขณะหนึ่งเท่านั้น หากแต่จำเลยด่าว่าโจทก์บ่อย ๆ ซึ่งย่อมเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายในทางจิตใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น ๆ และยังได้เขียนด่าว่าโจทก์ไปยังนายทบพี่ชายของโจทก์อีกด้วย เช่นนี้ เห็นว่าการกระทำของจำเลยตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุดนั้น รวมกันชี้ให้เห็นว่าเป็นการกระทำด้วยเจตนาอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ และเป็นการร้ายแรงตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐๐ (๒) อยู่กินกันต่อไปก็ไม่มีทางจะมีความสุขราบรื่นได้ ชอบที่โจทก์จะหย่าจากจำเลยได้
พิพากษากลับให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยได้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share