คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1756/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจ้างโจทก์ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความให้จัดการขอแบ่งทรัพย์สินของผู้ตายจากผู้จัดการมรดกให้จำเลยโดยตกลงจะให้ค่าจ้างเป็นเงิน โจทก์จัดการจนสำเร็จก่อนครบกำหนดสองปีนับแต่วันที่ผลงานเสร็จ จำเลยไม่มีเงินสด จึงจะโอนตึกแถวพร้อมที่ดินให้โจทก์แทนเงินค่าจ้าง และมอบให้บุตรของจำเลยไปจัดการ เมื่อจำเลยไปอวยพรปีใหม่และโจทก์ถามถึงค่าจ้าง จำเลยก็บอกให้โจทก์ทราบ ดังนี้ เป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่า ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างนับจากวันหลังขึ้นปีใหม่ถึงวันฟ้องยังไม่เกินสองปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและนายประมูล นวราช อยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และร่วมกันทำมาหากินจนเกิดทรัพย์สินขึ้นหลายอย่าง ต่อมานายประมูลถึงแก่กรรม ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งทายาทของนายประมูลให้เป็นผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดกบางคนและทายาทบางคนไม่ยอมแบ่งทรัพย์สินให้แก่จำเลยตามส่วน จำเลยมอบให้โจทก์เรียกร้องเอาทรัพย์สินที่จำเลยมีสิทธิได้รับ โจทก์ดำเนินการเรียกร้องเป็นลำดับมา ในที่สุดผู้จัดการมรดกและทายาทของนายประมูลยอมแบ่งทรัพย์สินให้จำเลยรวมเป็นราคา ๙๙๔,๓๑๒ บาท จำเลยตกลงจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ ๙๙,๐๐๐ บาท ภายใน พ.ศ.๒๕๑๕ แต่เมื่อถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระ โจทก์ทวงถาม จำเลยเพิกเฉยเสีย จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๖ ถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑๔,๘๕๐ บาท รวมทั้งหมดจำเลยต้องชำระให้โจทก์ ๑๑๓,๘๕๐ บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยมอบให้โจทก์จัดการเรียกร้องทรัพย์สินจากกองมรดกของนายประมูล และไม่เคยตกลงจะจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ ทั้งจำเลยไม่เคยได้รับส่วนแบ่งจากกองมรดกของนายประมูล และตัดฟ้องว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ฯลฯ พิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างพร้อมทั้งดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ๕๖,๙๒๔ บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี จากต้นเงิน ๔๙,๕๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ฯลฯ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงยุติฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์มีอาชีพเป็นทนายความจำเลยเป็นภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายประมูล นวราช และมีบุตรด้วยกัน ๕ คน หลังจากนายประมูลตายและศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของนายประมูลแล้ว ผู้จัดการมรดกบางคนจะแย่งมรดกของนายประมูลให้เฉพาะบุตรของนายประมูลซึ่งเกิดจากจำเลย และซึ่งเกิดจากภริยาอีกคนหนึ่ง แต่จะไม่แบ่งให้จำเลยเพราะเป็นภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไปปรึกษาโจทก์ โจทก์บอกว่าจำเลยมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเพราะทำมาหากินร่วมกัน จำเลยจึงมอบให้โจทก์จัดการโจทก์มีหนังสือแจ้งให้นางเตือนใจผู้จัดการมรดกคนที่ไม่ยอมแบ่งทรัพย์สินให้จำเลยทราบว่าจำเลยมีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง ต่อมานัดเจรจากัน จำเลยมอบให้โจทก์เจรจากับนางเตือนใจ ในที่สุดตกลงแบ่งที่ดินพร้อมบ้านและตึกแถว ๗ – ๘ คูหา กับเงินสด ๙๗,๐๐๐ บาทให้แก่จำเลยและบุตร ปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินเอกสารหมาย จ.๘ ต่อมาเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๔ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งทรัพย์สินและมรดกกันตามเอกสารหมาย จ.ล.๑
ในประเด็นที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ฟังว่าจำเลยตกลงจะให้ค่าจ้างเป็นเงินแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยไม่มีเงินสด จึงจะโอนตึกแถวพร้อมที่ดิน ๑ คูหาให้โจทก์แทนเงินค่าจ้าง โดยจำเลยมอบให้นายประจำดีบุตรจำเลยจัดการ เมื่อจำเลยไปอวยพรปีใหม่ พ.ศ.๒๕๑๖ และโจทก์ถามถึงค่าจ้าง จำเลยจึงบอกให้โจทก์ทราบ การที่โจทก์ซึ่งเป็นทนายความฟ้องเรียกค่าจ้างในการที่โจทก์เจรจาแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยและบุตรนั้นมีอายุความสองปีนับจากวันที่ผลงานเสร็จ คือวันที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามเอกสารหมาย จ.ล.๑ และเอกสารหมาย จ.ล๑ ทำเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๔ จึงครบอายุความสองปีภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๖ แม้โจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากพ้นกำหนดสองปีนับจากวันที่ผลงานเสร็จ แต่ก่อนที่จะครบกำหนดสองปี จำเลยตกลงจะโอนตึกแถวพร้อมที่ดิน ๑ คูหาให้โจทก์แทนค่าจ้าง เพราะไม่มีเงินสด และจำเลยมอบให้นายประจำดีบุตรจำเลยจัดการโอนตึกแถวพร้อมทั้งที่ดิน ๑ คูหาให้โจทก์ เมื่อจำเลยไปอวยพรปีใหม่ พ.ศ.๒๕๑๖ และโจทก์ถามถึงค่าจ้าง จำเลยจึงบอให้โจทก์ทราบ การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๑๖ และเริ่มนับอายุความใหม่หลังจากวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๑๖ แต่นับจากวันหลังจากวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๑๖ ถึงวันฟ้องยังไม่เกินสองปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share