แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยการส่งมอบให้กันโดยไม่จำต้องสลักหลัง การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทขายลดให้แก่ธนาคาร ย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) จำเลยผู้สั่งจ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ ธนาคารผู้รับซื้อเช็คจึงหักเงินจากบัญชีโจทก์และส่งเช็คกลับคืนมาให้โจทก์ครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ถือ ย่อมเป็นผู้ทรงตาม มาตรา 904 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปีตามมาตรา 1002 กรณีไม่เข้ามาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน เพราะโจทก์มิใช่ผู้สลักหลังตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันออกเช็คผู้ถือมอบให้แก่นายเฉลิมเพื่อชำระหนี้นายเฉลิมสลักหลังเช็คให้โจทก์ โจทก์สลักหลังเช็คขายให้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เมื่อเช็คถึงกำหนดแต่เรียกเก็บเงินไม่ได้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด จึงคืนเช็คให้โจทก์และหักเงินตามเช็คจากบัญชีโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระตามเช็คแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทจำเลยออกให้แก่ผู้ถือ เช็คนี้ย่อมโอนไปเพียงด้วยการส่งมอบให้กันเท่านั้น การสลักหลังย่อมโอนซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแก่เช็ค เมื่อเช็คผู้ถือโอนสิทธิได้แต่เพียงด้วยการส่งมอบให้กันจึงไม่จำเป็นต้องสลักหลังแต่อย่างใด หากมีการสลักหลังเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๒๑, ๙๘๙ จึงบัญญัติว่าเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่าย หาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังตามกฎหมายไม่ ดังนั้นการที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทขายลดให้แก่ธนาคาร โจทก์จึงเป็นเพียงผู้ประกัน (อาวัล) จำเลยเท่านั้น เมื่อธนาคารส่งเช็คดังกล่าวกลับคืนมาให้โจทก์ครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ถือ ย่อมเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๔ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๒ ซึ่งมีอายุความ ๑ ปี นับแต่วันเช็คถึงกำหนดชำระเงิน กรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๐๓ ซึ่งมีอายุความ ๖ เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงินเพราะโจทก์มิใช่เป็นผู้สลักหลังตามกฎหมาย คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน