คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานทำร้ายผู้ตายแล้วไปแจ้งความว่าผู้ตายบุกรุก เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาล โดยขณะที่ผู้ตายถูกจำเลยทำร้ายนั้นผู้ตายมิได้เป็นผู้ต้องหาในข้อหาบุกรุก และมิได้อยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน แม้ผู้ตายจะถึงแก่ความตายในระหว่างที่เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลก็ไม่ใช่กรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงไม่ใช่กรณีที่ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายนายโชติ ชินกลาง ผู้ตายโดยทุ่มผู้ตายลงกับพื้นซีเมนต์ ศีรษะฟาดกับพื้นและเตะที่ใบหน้า1 ที เป็นเหตุให้สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงจนถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 วรรคแรก ให้จำคุก 6 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุก 3 ปีคำให้การของจำเลยในชั้นมอบตัวและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะนายโชติ ชินกลาง ผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่เป็นผู้ต้องหาในข้อหาบุกรุกและอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวและผู้ตายตายระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลจึงเป็นกรณีที่ผู้ตายตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานที่อ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่พนักงานสอบสวนชันสูตรพลิกศพแล้ว แต่ไม่ส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการทำคำร้องต่อศาล การชันสูตรพลิกศพยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 วรรคสาม ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยมาตรา 129 นั้นในการวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่าวันเกิดเหตุผู้ตายด่าว่าจำเลย จำเลยได้เรียกผู้ตายมาที่กุฏิของจำเลย ผู้ตายเดินตามมาแต่โดยดี เมื่อมาถึงที่กุฏิแล้วจำเลยได้ว่ากล่าวตักเตือนผู้ตาย ผู้ตายตะโกนด้วยความโกรธว่า”กูไม่เคยกลัวใคร โคตรแม่กูไม่เคยกลัวใครโว้ย” จากนั้นผู้ตายกำหมัดยกขึ้นทั้งสองข้างแล้วเดินเข้ามาหา จำเลยจึงเข้ากอดรัดผู้ตายแล้วทุ่มผู้ตายลงกับพื้นซีเมนต์ ศีรษะของผู้ตายส่วนหน้าผากฟาดลงกับพื้น จำเลยเตะที่หน้าผู้ตาย 1 ครั้ง ผู้ตายนอนนิ่งไม่ได้สติ จำเลยจึงไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าผู้ตายบุกรุก เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาล และต่อมาถึงแก่ความตาย พนักงานสอบสวนได้ร่วมกับแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพผู้ตายไว้ เห็นว่า ขณะที่ผู้ตายถูกจำเลยทำร้ายโดยผู้ตายมิได้เป็นผู้ต้องหาในข้อหาบุกรุกและอยู่ในความควบคุมตัวของเจ้าพนักงานแต่อย่างใด แม้ผู้ตายจะถึงแก่ความตายในระหว่างที่เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลก็ไม่ใช่กรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงไม่ใช่กรณีที่ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสามเมื่อพนักงานสอบสวนและแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้วพนักงานอัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้”
พิพากษายืน

Share