แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่างออกตั๋วแลกเงิน โดยจำเลยที่ 4 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการธนาคารสาขา ลงลายมือชื่อและประทับตราของธนาคารรับรองตั๋วแลกเงินฉบับนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงลายมือชื่อตนเป็นผู้สั่งจ่ายในนามของตนเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของบุคคลอื่น หรือเจตนาจะให้เข้าใจว่าเป็นตั๋วแลกเงินของบุคคลอื่นตั๋วแลกเงินฉบับนั้นจึงเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 และที่ 3 และทั้งลายมือชื่อผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็เป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำไปในฐานะผู้จัดการธนาคาร สาขา ตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย ตราที่ประทับก็เป็นตราที่แท้จริงของธนาคารดังกล่าว แม้จำเลยที่ 4 กระทำเกินกว่าอำนาจที่ระเบียบของธนาคารกำหนดให้ไว้ ก็เป็นเพียงระเบียบภายใน หาทำให้ตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยที่ 4 รับรองนั้น เป็นตั๋วแลกเงินปลอมขึ้นมาไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าคนได้ร่วมกันทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ
(ก) จำเลยที่ 1, 2, 3 และ 4 ร่วมกันปลอมตั๋วแลกเงินโดยให้ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินจากองค์การเชื้อเพลิงรวม 29 ฉบับ สั่งจ่ายเงินเป็นเงินทั้งสิ้น 11,899,880 บาท
(ข) จำเลยทั้งห้าร่วมกันปลอมตั๋วแลกเงิน โดยให้จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินจากองค์การเชื้อเพลิงรวม 6 ฉบับ สั่งจ่ายเป็นเงินทั้งสิ้น 2,890,000 บาท
(ค) จำเลยที่ 1, 2, 3 และ 4 ร่วมกันปลอมตั๋วแลกเงิน โดยให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินของบริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด รวม 14 ฉบับ สั่งจ่ายเงินเป็นเงินทั้งสิ้น 5,110,900 บาท
แล้วจำเลยทั้งห้ามีเจตนาทุจริตร่วมกันให้จำเลยที่ 4 ลงลายมือชื่อในตำแหน่งผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพระโขนงและประทับตราธนาคารในตั๋วแลกเงินทั้ง 49 ฉบับ รับรองการสั่งจ่ายเงินในตั๋วนั้น โดยจำเลยที่ 4 ไม่มีอำนาจโดยเจตนาจะให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงซึ่งธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนง รับรองการสั่งจ่ายเงินโดยถูกต้องสมบูรณ์แล้ว
แล้วจำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันนำตั๋วแลกเงินที่ทำปลอมขึ้นนั้นไปใช้ซื้อน้ำมัน วางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการซื้อน้ำมัน และใช้ไปฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่งทำให้เป็นการเสียหายแก่โจทก์และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 266, 268, 83, 84 และ 86
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ตั๋วแลกเงินทั้ง 49 ฉบับมิใช่ตั๋วแลกเงินปลอม การใช้ก็ย่อมไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่างออกตั๋วแลกเงินที่โจทก์ฟ้องโดยลงลายมือชื่อตนเป็นผู้สั่งจ่ายในนามของตนเอง จึงเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ใช่ทำปลอมในนามของบุคคลอื่นหรือเจตนาจะให้เข้าใจว่าเป็นตั๋วแลกเงินของบุคคลอื่น ลายมือชื่อผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็เป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำไปในฐานะผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนง ตามอำนาจซึ่งได้รับมอบหมายจากโจทก์ตราที่ประทับก็เป็นตราที่แท้จริงของธนาคารดังกล่าวการที่มีระเบียบให้จำเลยที่ 4 มีอำนาจรับรองตั๋วแลกเงินได้ไม่เกิน 50,000 บาท เกินกว่านี้ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานใหญ่ก็ดี และการรับรองต้องมีสมุหบัญชีหรือผู้รักษาเงินลงลายมือชื่อร่วมด้วยก็ดี ก็เป็นเพียงระเบียบภายใน หาทำให้ตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยที่ 4 รับรองดังกล่าว เป็นตั๋วแลกเงินปลอมขึ้นมาไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีมูลความผิดตามข้อกล่าวหา
พิพากษายืน