คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกคนร้ายที่มีสมัครพรรคพวกหลายคนแต่ละคนมีอาวุธปืนครบมือ ใช้ปืนจี้ขู่บังคับให้เอาเรือรับส่งข้ามฟากเพื่อช่วยคนร้ายให้พ้นจากการจับกุม ดังนี้ เป็นการที่จำเลยกระทำไปเพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงขัดขืนได้ จึงเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็น จำเลยไม่ต้องรับโทษ
เมื่อปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดด้วยความจำเป็นไม่ต้องรับโทษแม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้เป็นคุณแก่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานช่วยเหลือผู้กระทำความผิดต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๑๘๙(๒), ๘๐, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๒) ประกอบกับมาตรา ๘๐, ๘๓, ๕๒ และ ๙๒ จำคุก ๒๐ ปี ลดโทษ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๐ ปี ๔ เดือนของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยได้ช่วยพวกคนร้ายโดยเอาเรือมารับคนร้ายที่ยิงรถโดยสารพาข้ามฟาก เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจไม่เชื่อว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าพนักงาน พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้๑ ใน ๓ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน ข้อหาอื่นให้ยกของกลางริบ
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ประจักษ์พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในข้อสำคัญเป็นพิรุธ ฉะนั้น ที่พยานตำรวจว่าเห็นจำเลยยิงปืนด้วย จึงเป็นที่น่าสงสัยอยู่มาก ยังเชื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกับคนร้ายจริง
ศาลฎีกายังเห็นต่อไปว่า การที่จำเลยเอาเรือรับคนร้ายข้ามฟากนั้น จำเลยน่าจะถูกคนร้ายขู่บังคับดังที่จำเลยนำสืบ คนร้ายกลุ่มนี้มีสมัครพรรคพวกมากมาย แต่ละคนมีอาวุธปืนครบมือ ทำการเพื่อจะปล้นรถยนต์โดยสารบนท้องถนนในเวลากลางวันอย่างอุกอาจ เจ้าพนักงานตำรวจก็ยืนยันว่าในกลุ่มคนร้ายเหล่านี้ มีคนร้ายสำคัญอยู่หลายคนอาทิเช่น นายยูโซ๊ะ กูระ นายมะลาแม นายสะมาแอ โคแบสแย บางคนก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตายในเวลาต่อมา จำเลยซึ่งเป็นราษฎรธรรมดาในสภาพท้องถิ่นเช่นนั้น ย่อมอยู่ในวิสัยที่จะถูกคนร้ายขู่เข็ญบังคับให้กระทำตามอย่างใดก็ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ตำหนิว่าเกิดเหตุแล้วทำไมจำเลยจึงไม่ไปแจ้งความตำรวจทันทีนั้น จำเลยก็ว่ากำลังได้รับความตกใจอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นข้อที่น่าเห็นใจอยู่ ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยถูกคนร้ายขู่บังคับจริงจำเลยกระทำด้วยความจำเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ แม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้เป็นคุณแก่จำเลยได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์เสียปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป ของกลางคงให้ริบ

Share