แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำรถยนต์ไปจ้างโจทก์พ่นสีแล้วโจทก์ถูกจับและถูกยึดรถยนต์ไปโดยปรากฏว่าเป็นรถที่ถูกผู้ร้ายลักมา แล้วโจทก์รับ ซื้อและเอาไปจ้างพ่นสีหลังจากถูกจับแล้วโจทก์รับรถคืนไปพ่นสีโดยโจทก์อ้างว่าจำเลยตกลงให้โจทก์พ่นสีต่อไปแต่โจทก์สืบไม่ได้ ดังนี้ถือว่าสัญญาจ้างพ่นสีระหว่างโจทก์จำเลยเป็นอันระงับ
เพียงแต่ปรากฏว่าจำเลยรับซื้อรถยนต์ที่ถูกคนร้ายลักมาไปจ้างโจทก์พ่นสีแล้วโจทก์ถูกตำรวจจับไปขังนั้น ยังไม่พอให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยนำรถยนต์ไปจ้างโจทก์พ่นสี แล้วโจทก์ถูกจับและถูกยึดรถยนต์ไป โดยปรากฏว่าเป็นรถของกรมเชื้อเพลิง ถูกผู้ร้ายลักไป และจำเลยเป็นผู้รับซื้อไว้ โจทก์ต้องถูกคุมขังอยู่ 3 วัน 2 คืนต่อมาโจทก์พ่นสีเสร็จ โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างพ่นสี 1,800 บาทและค่าสินไหมทดแทนที่ต้องถูกจับกุม 2,000 บาท
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ยังไม่ทันพ่นสีก็ถูกจับและถูกยึดรถไปการจ้างเป็นอันเลิกจำเลยซื้อรถยนต์โดยสุจริตการถูกจับไม่ใช่การกระทำของจำเลย
ศาลแพ่งเห็นว่า สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยระงับ เมื่อไม่สามารถทำการพ่นสี การพ่นสีตอนหลังไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงที่โจทก์ถูกจับกุมเป็นเรื่องนอกอำนาจของจำเลย และห่างเหินกับเหตุพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยนำรถยนต์ไปจ้างโจทก์พ่นสีแล้วโจทก์ถูกจับและถูกยึดรถยนต์ไป โดยปรากฏว่ารถเป็นของกรมเชื้อเพลิง และจำเลยเป็นผู้รับซื้อไว้ สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยเป็นอันเลิกต่อกัน ที่อ้างว่าจ้างตอนหลัง โจทก์สืบไม่ได้ ส่วนที่เรียกค่าเสียหายที่โจทก์ถูกจับนั้น โจทก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการจงใจ หรือประมาทอันเป็นเหตุให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด พิพากษายืน