คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอ้างแต่เพียงว่าระหว่างถูกฟ้องคดีนี้จำเลยมิได้อยู่ที่บ้านเพราะจำเลยเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งแสดงว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง การที่เจ้าพนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนคำบังคับให้จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการส่งโดยชอบแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2527และทำการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2528จำเลยมายื่นคำขอพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2532จึงพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยก็ไม่อาจยื่นคำขอล่าช้าเกิน 6 เดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสามและจำเลยมีสิทธิครอบครองร่วมกันในที่ดินพิพาท ให้แบ่งที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสามและจำเลยคนละ 1 ส่วนตามที่คู่ความตกลงกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ว่าใครได้ส่วนไหนก็ให้นำที่ดินพิพาทขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกัน จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2532 โดยอ้างว่าไม่อาจยื่นคำขอได้เร็วกว่านี้เพราะเพิ่งทราบเหตุและเพิ่งเดินทางกลับจากทำพิธีที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จำเลยขอคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เพราะที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้ยื่นภายในกำหนด ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องขอพิจารณาใหม่ จำเลยเพียงแต่อ้างว่าจำเลยมิได้อยู่ที่บ้านในระหว่างที่ถูกฟ้องคดีนี้ เพราะจำเลยเดินทางไปประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งแสดงว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องการที่เจ้าพนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตลอดจนคำบังคับให้จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการส่งโดยชอบแล้ว ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 บัญญัติว่า คำขอให้พิจารณาใหม่นั้น ให้ยื่นต่อต่อศาลภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย อนึ่ง ถ้าคู่ความที่ขาดนัดไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่บัญญัติไว้ข้างบนนี้โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ คู่ความฝ่ายนั้นอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนดสิบห้าวัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง แต่กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้ เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทเพื่อบังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2527 และเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2528 จำเลยมายื่นคำขอพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2532 จึงพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์ ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยยื่นคำขอพิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงเป็นการชอบแล้วนั้น เห็นว่า แม้จะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยก็ไม่อาจยื่นคำขอล่าช้าเกิน 6 เดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ได้ตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น
พิพากษายืน

Share