คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ขอสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลจากโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลที่จำเลยที่ 2 จดไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์กลับนำไปมอบให้ธนาคารขอรับเงินรางวัลแทนและนำเงินมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 และ ท. ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 2 และมารดาจำเลยที่ 1 ที่ธนาคารดังกล่าวอันเป็นการเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลและเงินรางวัลที่ได้รับมาเป็นของตนและของบุคคลอื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานยักยอก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2533 จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นภริยาและพ่อตาของโจทก์ได้รับมอบสลากกินแบ่งรัฐบาล 2 ฉบับคือ หมวด ค. หมายเลข 5092890 และหมวด ง. หมายเลข 5092890งวดประจำวันที่ 16 เมษายน 2533 ทั้งสองฉบับของโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ผลปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ทั้งสองฉบับถูกรางวัลที่ 1 มีสิทธิได้รับเงินรางวัลก่อนหักภาษี รางวัลละ 3,000,000 บาท หลังจากที่จำเลยทั้งสองรับมอบสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ไปแล้ว ถึงวันที่ 27 เมษายน 2533จำเลยทั้งสองเบียดบังยักยอกเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ทั้งสองฉบับไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต หรือจำเลยทั้งสองสมคบร่วมกันลักเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต แล้วจำเลยทั้งสองนำสลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ไปมอบให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขากำแพงเพชรเพื่อให้รับเงินรางวัลแทน และธนาคารได้ขอรับเงินรางวัลมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองแล้ว โจทก์ได้ร้องทุกข์ไว้ภายในกำหนดอายุความแล้ว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่ความตาย นายพายัพ สีเขียวและนางละออง สีเขียว บิดามารดาของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีต่างผู้ตาย ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคหนึ่ง, 83 จำคุกคนละ 1 ปีข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติฟังได้ตามที่คู่ความรับและไม่โต้เถียงกันว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทงวดประจำวันที่ 16 เมษายน 2533 หมายเลข 5092890 หมวด ค.และหมวด ง. รวม 2 ฉบับ ถูกรางวัลที่ 1 เงินรางวัลละ 3,000,000 บาทเป็นเงิน 6,000,000 บาท เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2533จำเลยทั้งสองและนางทองอยู่ จันทร์สุข ได้นำสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวไปมอบให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขากำแพงเพชรขอรับเงินรางวัลจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแทน ต่อมาวันที่ 20 เดือนเดียวกันธนาคารดังกล่าวได้ดำเนินการตามความประสงค์ของจำเลยทั้งสองและนางทองอยู่โดยนำเงินรางวัลมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 และนางทองอยู่ที่ธนาคารแห่งนั้น คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานยักยอกหรือไม่ ปัญหานี้เห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความยืนยันว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับดังกล่าวเป็นของโจทก์ซื้อมาจากนายนพพระ ชำนาญไพรที่ร้านชัยประสิทธิ์ ตลาดนครชุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2533ในวันออกสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทคือวันที่ 16 เมษายน 2533จำเลยที่ 1 ขอสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับดังกล่าวจากโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำเลยที่ 2 จดไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์ โดยโจทก์มีนายนพพระเบิกความสนับสนุนว่าโจทก์ได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทไปจากตนตามที่โจทก์กล่าวอ้างจริง ศาลฎีกาเห็นว่า เกี่ยวกับสถานที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ยอมรับกันว่าซื้อมาจากร้านชัยประสิทธิ์ที่ตลาดนครชุมเพียงแต่โจทก์อ้างว่าซื้อจากนายนพพระบุตรของนายประสิทธิ์ ชำนาญไพรเจ้าของร้าน ส่วนจำเลยที่ 2 อ้างว่าซื้อจากนายประสิทธิ์ซึ่งเมื่อพิจารณาคำเบิกความของโจทก์และนายนพพระแล้วจะเห็นได้ว่าสอดคล้องต้องกันทุกประการ กล่าวคือในวันที่ 10 เมษายน 2533 โจทก์ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ร้านชัยประสิทธิ์จากนายนพพระ ชั้นแรกโจทก์ต้องการซื้อฉบับที่มีเลขท้าย 3 ตัว 820 แต่ปรากฏว่าไม่มีหมายเลขดังกล่าว นายนพพระจึงหยิบฉบับที่มีเลขท้าย 890 คือสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทมาให้แทนโจทก์ตกลงซื้อไว้ ครั้นสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับดังกล่าวถูกรางวัลที่ 1 นายนพพระจำได้ว่าได้ขายให้แก่โจทก์ไปและเมื่อโจทก์นำความไปแจ้งต่อร้อยตำรวจเอกชูชัย สว่างสิริพรชัยพนักงานสอบสวนขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง นายนพพระก็ได้ให้การเป็นพยานต่อพนักงานสอบสวนพร้อมกับนำสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เหลืออยู่จากการขายให้แก่โจทก์ ซึ่งมีหมายเลข 5 ตัวหน้าเป็นเลข 50928 ตรงกับสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทจำนวน 10 คู่มามอบให้แก่พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีตามเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งพนักงานสอบสวนเองก็เบิกความยืนยันในข้อนี้ แสดงว่าทั้งโจทก์และนายนพพระต่างก็มั่นใจมาโดยตลอดว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทเป็นฉบับเดียวกับที่โจทก์ซื้อมาจากนายนพพระ นายประสิทธิ์พยานโจทก์อีกปากหนึ่งก็เบิกความยืนยันว่า พยานเป็นเจ้าของร้านชัยประสิทธิ์และเป็นบิดาของนายนพพระ การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ร้านของพยานเป็นหน้าที่ของนายนพพระพยานไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วยเลยและพยานไม่เคยเห็นจำเลยที่ 2 มาซื้อของที่ร้านของพยาน คำเบิกความของพยานปากนี้จึงสอดคล้องกับคำเบิกความของนายนพพระและเป็นการสนับสนุนคำเบิกความของโจทก์เช่นกัน โจทก์เป็นสามีจำเลยที่ 1 และเป็นบุตรเขยจำเลยที่ 2 ขณะเกิดเหตุโจทก์กับจำเลยทั้งสองพักอาศัยอยู่ที่บ้านจำเลยที่ 2 ด้วยกัน นับว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากและไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกัน ส่วนนายนพพระนายประสิทธิ์ และร้อยตำรวจเอกชูชัยต่างก็ไม่รู้จักกับจำเลยทั้งสองมาก่อน โดยเฉพาะร้อยตำรวจเอกชูชัยเป็นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลยทั้งสอง คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ฝ่ายจำเลยคงมีจำเลยที่ 2 เบิกความลอย ๆสนับสนุนข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 2 ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทมาจากนายประสิทธิ์ซึ่งนอกจากจะขัดแย้งกับคำเบิกความของนายประสิทธิ์แล้วยังขัดแย้งต่อเหตุผลอีกด้วย ทั้งนี้เพราะถ้าหากจำเลยที่ 2 เป็นผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับดังกล่าวมาจากนายประสิทธิ์จริง ตามปกติวิสัยของผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 ย่อมที่จะตื่นเต้นและมีความกระตือรือร้นที่จะนำไปขึ้นเงินรางวัล การที่จำเลยที่ 2 เพิ่งนำไปมอบให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขากำแพงเพชร ขอรับเงินรางวัลแทนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2533 เป็นการผิดปกติวิสัยและส่อพิรุธว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทพยานหลักฐานจำเลยทั้งสองไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยทั้งสองไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้น้ำหนักพยานหลักฐานโจทก์เสียไป ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทเป็นของโจทก์ และรับฟังได้ด้วยว่า จำเลยที่ 1 ขอสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับดังกล่าวจากโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำเลยที่ 2จดไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์ กลับนำไปมอบให้ธนาคารกรุงไทย จำกัดสาขากำแพงเพชร ขอรับเงินรางวัลแทนและนำเงินมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 และนางทองอยู่ซึ่งเป็นภริยาจำเลยที่ 2และมารดาจำเลยที่ 1 ที่ธนาคารดังกล่าว อันเป็นการเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทและเงินรางวัลที่ได้รับมาเป็นของตนและบุคคลอื่นโดยทุจริต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานยักยอก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานดังกล่าวนั้นชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share