คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744-1746/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ขับรถโดยสารด้วยความเร็วสูงแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นไปชนรถท้ายรถบรรทุกลากจูงที่จำเลยที่ 4 เป็นผู้ควบคุมและจอดล้ำออกมาโดยไม่ได้เปิดไฟ ย่อมเป็นความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันความรับผิดระหว่างฝ่ายรถลากจูงและรถโดยสารจึงเป็นพับกันไป แต่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถประจำทาง เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องฝ่ายรถลากจูงให้ร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน และมิได้ฎีกาขอให้กำหนดค่าสินไหมทดแทนสูงขึ้นฝ่ายรถโดยสารควรรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์กึ่งหนึ่งของที่ศาลอุทธรณ์กำหนด

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาร่วมกันโดยให้เรียกโจทก์สำนวนแรกและจำเลยที่ ๒ ในสำนวนที่สามว่า โจทก์ที่ ๑ เรียกโจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๓ ในสำนวนที่สองว่า โจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ และเรียกจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ในสำนวนแรกและสำนวนที่สองหรือโจทก์ที่ ๒ และที่ ๑ ในสำนวนที่สามว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ส่วนจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ ในสำนวนที่สามเรียกว่า จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖
สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นสามีภรรยากันจำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของรถยนต์ประจำทาง ได้นำเข้าแล่นหาประโยชน์ร่วมกับจำเลยที่ ๓ ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์โดยสารดังกล่าวโดยประมาทชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ที่ ๑ ซึ่งมีจำเลยที่ ๔ เป็นคนขับทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๒๒๘,๑๒๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ที่ ๑
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า เหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ ๔ ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ ๑ จำเลยที่ ๓ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย โจทก์เรียกค่าเสียหายสูงเกินไป
สำนวนที่ ๒ โจทก์ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ฟ้องว่าโจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ กับนายธาณินเป็นบุตรของโจทก์ที่ ๔ ได้โดยสารมากับรถยนต์คันที่จำเลยที่ ๑ ขับขี่โดยประมาทชนกันทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ๕๙,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า โจทก์ที่ ๒ และที่ ๓ กับนายธาณินไม่ได้โดยสารรถคันเกิดเหตุ โจทก์ที่ ๔ มิใช่มารดาของนายธาณิน เหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ ๔ ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ที่ ๑ โจทก์เรียกค่าเสียหายสูงเกินไป
สำนวนที่สามจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฟ้องว่าจำเลยที่ ๔ ขับรถโดยประมาทชนรถคันที่จำเลยที่ ๑ ขับเป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑และที่ ๒ เสียหาย จำเลยที่ ๔ ลูกจ้างของโจทก์ที่ ๑ จำเลยที่ ๕ หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๑ และจำเลยที่ ๖ ผู้รับประกันภัยรถยนต์จากโจทก์ที่ ๑ จะต้องร่วมรับผิดด้วยขอให้พิพากษาให้จำเลยที่ ๔ โจทก์ที่ ๑ จำเลยที่ ๕ และที่ ๖ ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๒๙๘,๒๘๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒
จำเลยที่ ๔ โจทก์ที่ ๑ จำเลยที่ ๕ และที่ ๖ ให้การว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ ๑ ค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เรียกมาสูงเกินไป
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ ๔ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในสำนวนแรกและสำนวนที่สองในสำนวนที่สามให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันใช้เงิน ๑๓๘,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทั้งสอง โดยให้จำเลยที่ ๔ ร่วมรับผิดในวงเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๓
โจทก์ในสำนวนแรกและจำเลยที่ ๒ ในสำนวนที่ ๓ โจทก์ที่ ๑ และที่ ๓ ในสำนวนที่สองกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ในสำนวนที่สามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามในสำนวนแรกและสำนวนที่สองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในสำนวนแรก ๓๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ที่ ๓ในสำนวนที่สอง ๕,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ที่ ๑ ในสำนวนที่สองและให้ยกฟ้องโจทก์ในสำนวนที่สาม
จำเลยทั้งสามในสำนวนแรกและสำนวนที่สองกับโจทก์ทั้งสองในสำนวนที่สามฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๔ จอดรถลากจูงล้ำออกมาโดยไม่เปิดสัญญาณไฟไว้ จำเลยที่ ๑ ขับรถโดยสารประจำทางด้วยความเร็วสูงแซงขึ้นหน้ารถอื่น ไปชนกับรถลากจูงทำให้รถทั้งสองคันเสียหายและผู้โดยสารได้รับอันตราย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เมื่อพิเคราะห์ถึงจำเลยที่ ๑ ขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่น เกิดชนท้ายรถบรรทุกลากจูงที่จอดล้ำออกไปเป็นเหตุให้รถคันที่จำเลยที่ ๑ ขับ กับรถบรรทุกลากจูงที่จอดเสียหายและโจทก์ที่ ๔ ซึ่งโดยสารมาในรถคันที่จำเลยที่ ๑ ขับได้รับอันตราย เหตุที่เกิดขึ้นย่อมเนื่องมาจากความผิดของจำเลยที่ ๔ ผู้ควบคุมรถบรรทุกลากจูงของโจทก์ที่ ๑ ที่ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายส่วนหนึ่ง แต่แทนที่จำเลยที่ ๑ จะขับรถในช่องเดินรถซ้ายสุดเพื่อความปลอดภัยต่อไป เพราะช่องเดินรถด้านซ้ายสุดเป็นช่องเดินรถที่สามารถแล่นได้ปลอดภัยตามปกติอยู่แล้ว จำเลยที่ ๑ กลับขับรถด้วยความเร็วสูงแซงขึ้นหน้ารถอื่นโดยไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าได้พอแก่ความปลอดภัยเช่นนี้ ย่อมเป็นความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ความรับผิดระหว่างฝ่ายรถบรรทุกลากจูงและรถโดยสารประจำทางจึงเป็นพับกันไป แต่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ที่ ๔ ซึ่งโดยสารมาในรถโดยสารประจำทางคันที่จำเลยที่ ๑ ขับ ซึ่งศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ที่ ๔ ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ๕,๐๐๐บาท เมื่อโจทก์ที่ ๔ หรือโจทก์ที่ ๓ ในสำนวนที่สองมิได้ฟ้องโจทก์ที่ ๑ กับจำเลยที่ ๔ ให้ร่วมรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและไม่ได้ฎีกาขอให้ศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้สูงขึ้นแต่อย่างใด จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ควรรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ ๔ กึ่งหนึ่ง เป็นเงิน ๒,๕๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสามสำนวนเว้นแต่โจทก์ที่ ๓ ในสำนวนที่สอง ให้จำเลยทั้งสามในสำนวนที่สอง ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ที่ ๓ ในสำนวนที่สองเป็นเงิน ๒,๕๐๐ บาท ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share