แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างของบุตรโจทก์ แต่ในฟ้องบรรยายเพียงว่า จำเลยใช้ให้บุตรโจทก์ลงไปขุดทรายในบ่อแล้วดินพังลงมาทับตายเช่นนี้ ตามคำฟ้องย่อมไม่มีเหตุที่เป็นข้ออ้าง ว่าจำเลยได้ทำละเมิดแก่บุตรโจทก์อันจะพึงบังคับให้จำเลยต้องรับชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้จ้างนายมาลัย ช้อยสามนาค อายุ 18 ปี บุตรของโจทก์ให้ไปขุดทราย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 สั่งให้นายมาลัยลงไปขุดทรายในบ่อ ขนขึ้นมาใส่รถยนต์บรรทุก ระหว่างที่นายมาลัยลงไปขุดทรายอยู่ในบ่อ ดินได้พังลงมาทับนายมาลัยตายในทันที ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายและค่าทดแทนเป็นเงิน 25,150 บาท
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วสั่งว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่ไม่แสดงถึงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยทำอย่างไรที่ละเมิดโจทก์ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยใช้ให้นายมาลัยบุตรโจทก์ลงไปขุดทรายในบ่อ แล้วดินพังลงมาทับตาย ตามคำฟ้องไม่มีเหตุที่เป็นข้ออ้างว่าจำเลยได้ทำละเมิดแก่นายมาลัยบุตรโจทก์แต่อย่างไร อันจะพึงบังคับให้จำเลยต้องรับผิดชอบใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในมูลละเมิดนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นฟ้องที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 นั้น จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน