คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1741/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

เดิมโจทก์เป็นผู้เสียหายตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับที่นำมาฟ้องต่อมาก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คจากผู้ที่นำเช็คพิพาททั้งสองฉบับมาขายลดกับโจทก์แล้วโจทก์ย่อมมีหน้าที่คืนเช็คพิพาททั้งสองฉบับที่ได้รับชำระหนี้แล้วตามสัญญาขายลดเช็คให้แก่ผู้ขายลดเช็คไปดังนี้แม้โจทก์ยังยึดถือเช็คพิพาททั้งสองฉบับนี้อยู่แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คแล้วโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา904และมาตรา918และย่อมไม่เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องคดีอาญาฐานความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา2(4)และมาตรา28.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง สั่ง จ่าย เช็ค ธนาคาร กรุงไทย จำกัดสาขา ปทุมวัน จำนวน 2 ฉบับ ชำระ หนี้ ให้ แก่ บุคคล ภายนอก และ บุคคลภายนอก นำ เช็ค ทั้ง สอง ฉบับ ดังกล่าว มา ชำระ หนี้ ให้ โจทก์ ครั้นเช็ค ถึง กำหนด โจทก์ นำ เข้า บัญชี ของ โจทก์ เพื่อ เรียก เก็บ เงินแต่ ธนาคาร ตาม เช็ค ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน จำเลย ทั้ง สอง สั่ง จ่ายเช็ค โดย มี เจตนา ที่ จะ ไม่ ให้ มี การ ใช้ เงิน ตาม เช็ค ขอ ให้ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตาม ฟ้อง ลงโทษ ปรับจำเลย ที่ 1 และ จาก คุก จำเลย ที่ 2
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ห้างหุ้นส่วน จำกัด ภิรมย์โลหะ โดย จำเลย ที่2 หุ้นส่วน ผู้จัดการ เป็น ลูกค้า ของ โจทก์ โดย ทำ หนังสือ คำขอ เป็นลูกค้า ประเภท ขาย ลดเช็ค และ สัญญา เพิ่ม วงเงิน ขาย ลดเช็ค ไว้ และได้ นำ เช็ค พิพาท ทั้ง สอง ฉบับ ซึ่ง จำเลย ที่ 1 ที่ 2 เป็น ผู้สั่งจ่าย มา ขาย ลด กับ โจทก์ รวมกับ เช็ค อื่น อีก หลาย ฉบับ ได้ มีการ ชำระ หนี้ ตาม สัญญา ขาย ลดเช็ค แล้ว แต่ โจทก์ อ้าง ว่า ยัง ไม่ครบถ้วน จึง นำ เช็ค พิพาท ทั้ง สอง ฉบับ มา ฟ้อง ซึ่ง ศาลฎีกา ฟัง ว่าผู้ขาย ลดเช็ค ได้ ชำระ หนี้ สำหรับ เช็ค พิพาท ทั้ง สอง ฉบับ แก่โจทก์ ตาม สัญญา ขาย ลดเช็ค แล้ว และ เห็น ว่า บุคคล ผู้ ได้ รับ ความเสียหาย เนื่องจาก การ กระทำ ผิด ต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ต้อง เป็น ผู้ ทรงเช็ค ใน วันที่ธนาคาร ปฏิเสธ ไม่ จ่าย เงิน ตาม เช็ค นั้น เดิม โจทก์ จึง เป็น ผู้เสียหาย ตาม เช็ค พิพาท ทั้ง สอง ฉบับ ต่อมา ก่อน ฟ้อง คดี นี้ โจทก์ได้ รับ ชำระ หนี้ ตาม สัญญา ขาย ลดเช็ค จาก ผู้ ขาย ลดเช็ค แล้ว ซึ่งสัญญา ขาย ลดเช็ค เป็น สัญญา ต่างตอบแทน ดังนั้น เมื่อ ผู้ซื้อ ลดเช็คได้ รับ ชำระ หนี้ แล้ว ย่อม มี หน้าที่ คืนเช็ค ที่ ได้ รับ ชำระ หนี้แล้ว ตาม สัญญา ขาย ลดเช็ค นั้น ให้ แก่ ผู้ขาย ลดเช็ค ต่อไป เหตุ นี้แม้ โจทก์ ยัง ยึดถือ เช็ค พิพาท ทั้ง สอง ฉบับ นั้น อยู่ แต่ เมื่อโจทก์ ไม่ มี สิทธิ เรียกร้อง เงิน ตาม เช็ค แล้ว โจทก์ ไม่ ใช่ ผู้ทรงเช็ค ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904 และ มาตรา 918 และ ย่อมไม่ เป็น ผู้ เสียหาย ที่ จะ มี อำนาจฟ้อง คดี อาญา ฐาน ความผิด ต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 )(4) และ มาตรา 28
พิพากษา ยืน.

Share