คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดิน โดยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินนั้นด้วยการซื้อขายทำกันไม่สมบูรณ์เพราะตนหรือเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งไม่ ได้เป็นผู้ขาย หากแต่จำเลยคนหนึ่งทำใบมอบฉันทะปลอมขึ้นว่าเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งนั้นมอบฉันทะให้จำเลยขายแก่จำเลยอีก คนหนึ่งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องใบมอบฉันทะที่ให้จำเลยขายนั้น เป็นใบมอบฉันทะที่แท้จริงและผู้มอบฉันทะก็เป็นเจ้าของที่ดินแต่ผู้เดียว ดังนี้ถือว่าเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ซึ่งกำหนดลงเป็นราคาเงินมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๐ คณะกรมการอำเภอเมืองตรัง ได้ทำหนังสือซื้อขายที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่นางชุ้น โดยนายกิ้มจำเลยที่ ๒ ลงชื่อแทนนางชุ้นผู้ขาย นายผ้อยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ซื้อ เป็นเงิน ๑๕๐๐ บาท ชั้นต้นนางซุ้นขอประกาศขาย อำเภอประกาศโฆษณาตามระเบียบโจทก์ได้คัดค้านเป็นลำดับมา ต่อมาก่อนอำเภอทำหนังสือซื้อขาย นางซุ้นได้ยื่นคำร้องขอโอนการขาย และถอนใบมอบฉันทะ ซึงมอบให้นายกิ้มจำเลยที่ ๒ ขายแทนเสีย หนังสือซื้อขายจึงไม่สมบูรณ์ โจทก์มีกรรมสิทธิในที่ดินรายนี้ร่วมด้วยนายกิ้มไม่มีอำนาจขาย จึงขอให้ศาลสั่งแสดงว่าหนังสือซื้อขายรายนี้ไม่สมบูรณ์และให้เพิกถอน
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้เคยไปคัดค้านจริง แต่โจทก์ไม่อาจแสดงได้ว่าตนมีสิทธิคัดค้านได้ทางอำเภอสอบส่วนได้ความว่านางซุ้นมีกรรมสิทธิแต่ผู้เดียว โจทก์ทำใบถอนใบมอบฉันทะปลอม ปลัดอำเภอได้สอบปากคำนางชุ้นแล้ว นางชุ้นยืนยันให้ขายและไม่มีการถอนใบมอบฉันทะกับตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
คู่ความต่างไม่สืบพยาน (บุคคล)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ไม่นำสืบสนับสนุนตามที่กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ตนมีกรรมสิทธิเหนือทรัพย์ที่ขายจึงจะเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนตามมาตรา ๑๓๐๐ ป.ม.แพ่งฯ ไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมโดยฟ้องเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ ซึ่งกำหนดลงเป็นราคาเงินมิได้ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลล่างทั้งสองชี้ขาดข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า โจทก์แสดงไม่ได้ว่าตนมีกรรมสิทธิร่วมในที่ดินที่นางชุ้นทำนิติกรรมขายไปนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิมาฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรม
จึงให้ยกฎีกาโจทก์ พิพากษายืน

Share