แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่า บริษัทจำกัดทำละเมิด ต่อมาภายหลังปรากฏว่าบริษัทนั้นยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล โจทก์ก็ขอให้ศาลเรียกผู้เริ่มก่อการและเป็นหุ้นส่วนในบริษัทนั้นเข้ามาเป็นจำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว ในฐานะผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นได้ ไม่ทำให้คำฟ้องเคลือบคลุมประการใด เพราะคำฟ้องยังใช้ได้อยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172
บริษัทที่ยังมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลนั้น หากทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นในนามบริษัทขึ้น ผู้เริ่มก่อการก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวอยู่จนกว่าที่ประชุมตั้งบริษัทจะได้มีอนุม้ติและได้จดทะเบียนบริษัทแล้ว
จดทะเบียนเป็นผู้เริ่มก่อการและเป็นผู้ถือหุ้นในหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว หากจะเปลี่ยนแปลงก็ต้องจดทะเบียน ณ หอทะเบียนแห่งเดียวกันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1016 วรรค 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า รถยนต์ของจำเลยที่ ๓ ซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับอยู่ในเครือบริษัทสหเกียรติภูมิขนส่ง จำกัด จำเลยที่ ๒ ได้ชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามชดใช้
เมื่อจำเลยทั้งสามให้การแล้ว โจทก์ขอให้เรียกนายอนันต์และร้อยโทสมพันธ์เข้ามาเป็นจำเลยร่วม จำเลยทั้งสองให้การและเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้ว โจทก์ขอให้เรียกนายเซ็งกับพวกอีก ๗ คนในฐานะเป็นผู้เริ่มก่อการและเป็นหุ้นส่วนบริษัทสหเกียรติภูมิขนส่งเข้ามาเป็นจำเลยร่วม จำเลยทั้งสองให้การ และเมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้ว โจทก์ขอให้เรียกนายเซ็งกับพวกอีก ๗ คน ในฐานะเป็นผู้เริ่มก่อการและเป็นหุ้นส่วนบริษัทสหเกียรติภูมิขนส่งเข้ามาเป็นจำเลยร่วม นายเซ็งกับพวกอีก ๗ คน แถลงไม่คัดค้านพยานหลักฐาน โจทก์ที่สืบไปแล้วก่อนจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ร้อยโทสมพันธ์ นายเมือง นายเซ็ง กับพวกอีก ๗ คน ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒, ๓ และนายอนันต์
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้จำเลยร่วมใช้ค่าเสียหายเพิ่มขึ้นจากที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์อีก ๑๕,๐๐๐ บาท
นายเซ็งกับพวกอีก ๗ คนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายเซ็งกับพวกอีก ๗ คน ฎีกา
ศาลฎีกาได้พิจารณาคำฟ้องแล้ว การที่ศาลให้โจทก์เรียกจำเลยทั้ง ๘ คนมาเป็นจำเลยเป็นส่วนตัวนั้น หาได้ทำให้คำฟ้องเคลือบคลุมประการใดไม่ คำฟ้องยังคงใช้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ อยู่ อีกประการหนึ่ง การที่ศาลอนุญาตให้เรียกจำเลยเข้ามาเป็นส่วนตัวนี้ จำเลยทั้ง ๘ ก็หาได้คัดค้านหรือโต้แย้งไว้แต่ประการใดไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
การที่จำเลยยอมให้รถยนต์ของจำเลยที่ ๓ เดินรับส่งคนโดยสารในนามบริษัทสหเกียรติภูมิขนส่ง ซึ่งจำเลยเป็นผู้เริ่มก่อการและบริษัทได้รับประโยชน์จากเจ้าของรถยนต์ดังกล่าว เห็นได้ว่า เป็นการยอมรับต่อบุคคลภายนอกว่า รถยนต์นั้นเป็นรถยนต์ของบริษัท ๆ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ เมื่อบริษัทดังกล่าวยังมิได้จดทะเบียนมีสภาพเป็นนิติบุคคล หากรถยนต์นั้นไปทำให้บุคคลอื่นเสียหายและบริษัทจะต้องรับผิดชอบแล้ว ก็นับว่าเป็นหนี้อย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๑๓ แม้ว่าที่ประชุมตั้งบริษัทจะได้มีอนุมัติหนี้ดังกล่าว ผู้เริ่มก่อการก็คงต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวจนกว่าจะได้จดทะเบียนบริษัท
การที่จำเลยอ้างว่าลาออกจากผู้ถือหุ้นและผู้เริ่มก่อการแล้วแต่ปรากฎว่ายังมีชื่อจำเลยทั้ง ๘ เป็นผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นในหนังสือบริคณห์สนธิ หาได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยื มาตรา ๑๐๑๖ วรรค ๒ ไม่ จึงเป็นการแสดงต่อบุคคลภายนอกว่าจำเลยยังเป็นผู้ถือหุ้นและผู้เริ่มก่อการอยู่ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
พิพากษายืน