คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันผู้ขายได้รับเงินมัดจำไว้แล้ว ได้มอบการครอบครองที่ดินให้ผู้ซื้อโดยเจตนาจะโอนขายให้ผู้ซื้อในภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่มอบให้ในการขายเลยเป็นแต่จะได้ทำขายในภายหลัง ซึ่งผู้ซื้อจะต้องชำระเงินเพิ่มขึ้นอีก ดังนี้ มิใช่เป็นการมอบกรรมสิทธิและย่อมต้องถือว่าผู้ซื้อได้ครอบครองโดยอาศัยอำนาจของผู้ขาย จึงไม่ใช่เป็นการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 ฉะนั้นแม้จะได้ครอบครองมาถึง 10 ปี ก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่จัดการรับมรดกเพื่อโอนขายให้โจทก์ ขอให้ศาลแสดงว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกที่รายนี้จากนายสุข นางนา ให้จำเลยโอนขายให้แก่โจทก์ถ้าไม่อาจบังคับตามฟ้อง โจทก์ขอให้ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ คือ จำเลยเพื่อรับมรดกแล้วโอนขายให้โจทก์ถ้าไม่อาจบังคับได้อีก ก็ขอให้แสดงว่าที่ดินนี้เป็นกรรมสิทธิของโจทก์ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ปกครองที่พิพาทโดยอาศัยอำนาจตามสัญญาจะซื้อขาย จำเลยไม่ได้สละกรรมสิทธิให้โจทก์ โจทก์จึงยังมิได้กรรมสิทธิที่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นของจำเลยที่ ๒ และนางสิน ซึ่งไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ จะบังคับให้จำเลยขายที่ดินทั้งแปลงแก่โจทก์ย่อมทำไม่ได้ คดีของโจทก์ไม่มีทางจะบังคับให้ตามคำขอ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้ครอบครองที่นี้มา ๑๐ ปีเศษแล้ว จึงได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๒๘ นั้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่านางแพงสีจำเลยได้รับเงินมัดจำจากโจทก์ และได้มอบการครอบครองให้โจทก์โดยเจตนาจะโอนขายให้โจทก์ในภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่มอบให้ในการขาย เป็นแต่จะได้ทำการขายในภายหลังซึ่งโจทก์จะต้องชำระเงินเพิ่มขึ้นอีก จึงไม่ใช่เป็นการมอบกรรมสิทธิโจทก์ได้ครอบครองโดยอาศัยอำนาจนางแพงสีจำเลยเช่นนี้ จะเรียกว่าโจทก์ครอบครองโดยเปิดเผยต้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามมาตรา ๑๓๘๒ ยังไม่ได้ ฎีกาข้ออื่นของโจทก์ก็ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน

Share