แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นข้อเท็จจริงอันเกี่ยวเนื่องด้วย ศีล ธรรมอันดีงามของประชาชน และความเป็นธรรม โปรดรับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 80 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ลงโทษจำคุก 1 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุก 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 75)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย15 วัน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 23 และศาลอุทธรณ์ มิได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ที่จำเลยฎีกา ว่า จำเลยมิได้มีเจตนาจะไม่ชดใช้เงินให้โจทก์ จำเลยได้ชดใช้เงินบางส่วนให้โจทก์แล้ว นอกจากนั้นจำเลยยังมีภาระต้อง เลี้ยงดู บุตร ซึ่งยังเล็กอยู่ ขอให้ลงโทษจำเลยในสถานเบาโดยการให้ รอการลงโทษ แก่จำเลยด้วยนั้น ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง