แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับจำเลยเดินมาด้วยกัน ผู้ตายเมาสุราจนเดินโซเซและไม่มีอาวุธอะไร ย่อมเห็นได้ว่าไม่มีความจำเป็นอันใด ที่จำเลยจะต้องทำร้ายผู้ตายเลยแต่จำเลยกลับไปยืนถือมีดคอยทีอยู่อีก เมื่อผู้ตายวิ่งเข้าชกจำเลย จำเลยก็แทงเอา เช่นนี้จะเรียกว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันชีวิต เกียรติยศชื่อเสียงหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ให้จำคุก ๗ ปี
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้รับความยกเว้นโทษตามมาตรา ๕๐
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ตายเมาสุราจนเดินโซเซและไม่มีอาวุธอะไร ไม่มีความจำเป็นอันใด ที่จำเลยจะต้องทำร้ายผู้ตายเลย แต่จำเลยกลับไปยืนถือมีดคอยทีอยู่อีก เป็นการเห็นได้ว่าเพื่อจะรอต่อสู้กับผู้ตายมากกว่า เมื่อผู้ตายวิ่งมาชกจำเลย ๆ ก็แทงเอาเช่นนี้ จะเรียกว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันชีวิตเกียรติยศชื่อเสียงหาได้ไม่ แต่ปรากฎว่าขณะเกิดเหตุมืดขมุกขมัวแล้ว เมื่อผู้ตายชกจำเลย ๆ ก็แทงเอาทีหนึ่ง คงมิได้มุ่งหมายที่จะให้ถูกตรงไหนและจะเลือกแทงตรงนั้นตรงนี้ ก็ไม่ได้ เพราะผู้ตายกำลังจะทำร้ายจำเลย การที่ผู้ตายๆ ไปก็เพราะบังเอญมีดไปถูกที่สำคัญเข้า คดีจึงเป็นฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยผิดตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๑ ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี