คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81, 288, 83 ประกอบด้วยมาตรา 53 (2)ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 และลดโทษตามมาตรา 78 ให้อีกกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 83 ประกอบด้วยมาตรา 53(1)ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 และลดโทษตามมาตรา 78ให้อีกกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 4 ปี ดังนี้ เป็นการพิพากษาแก้ทั้งบททั้งโทษ จึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และ 220
ใช้ปืนแก๊ปยาวยิง 2 นัด ขณะผู้เสียหายเดินมาห่างจำเลย 4-5 วา กระสุนปืนถูกใบหน้า คือ ที่หน้าผาก 2 รู โดนจมูกและเข้าตาขวาตาขวาบอด ถูกยิงแล้วโลหิตไหลเต็มใบหน้าตามพฤติการณ์แสดงชัดว่ากระสุนปืนเฉียดเฉียงไปไม่ถูกด้านตรง กระสุนปืนจึงไม่เจาะลึกเข้าไปภายในศีรษะและใบหน้า ผู้เสียหายจึงไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต ตามธรรมดาอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรง ใช้ประหัตประหารกันให้ถึงแก่ความตายได้ง่าย และแน่นอนกว่าอาวุธอื่น จะสันนิษฐานว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่มีประสิทธิภาพเพราะผู้เสียหายถูกยิงในระยะใกล้ แต่ได้รับอันตรายเพียงบาดเจ็บไม่ถึงแก่ความตายหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งที่ยังจับไม่ได้ ใช้ปืนยิง 2 นัดโดยเจตนาฆ่า นายแจ้ง ชาญศรี กระสุนปืนไม่ถูกที่สำคัญนายแจ้งจึงไม่ตาย เพียงได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส ตาข้างขวาบอด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพแล้วฟังว่า ปืนแก๊ปยาวที่จำเลยใช้ยิงมีกำลังน้อยมาก การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 81 ประกอบด้วยมาตรา 53(2) จำเลยอายุ 15 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 จำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ผู้เสียหายไม่ตายมิใช่เพราะปืนหย่อนประสิทธิภาพ แต่เกิดจากการเล็งผิดเป้าหมาย จะนำมาตรา 81ประมวลกฎหมายอาญา มาปรับไม่ได้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 83 ให้วางโทษสองในสามจากโทษจำคุกตลอดชีวิตตามมาตรา 53(1) จำเลยอายุยังไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 คงจำคุก 8 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้อีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงเหลือโทษจำคุก 4 ปี

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ 2(ข) ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายนอกนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาที่จำเลยหยิบยกขึ้นฎีกาตามข้อ 2(ข) มีว่า อาวุธปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดมีประสิทธิภาพเพียงไร การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจำต้องฟังจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนปัญหานี้จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 28, 83, 81ประกอบด้วยมาตรา 53(2) ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 75 ลงกึ่งหนึ่งและลดโทษให้ตามมาตรา 78 อีกกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 80ประกอบด้วยมาตรา 53(1) ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 75 ลงกึ่งหนึ่งและลดโทษให้ตามมาตรา 78 อีกกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 4 ปี เป็นการพิพากษาแก้ทั้งบทและแก้ทั้งโทษ จึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218และ 220 ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่าจำเลยใช้ปืนแก๊ปยาวยิงนายแจ้งผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินมาห่างจำเลยราว 4-5 วา รวม 2 นัด กระสุนปืนถูกที่ใบหน้าผู้เสียหาย คือ ที่หน้าผาก 2 รู โดนจมูกและเบ้าตาขวา ตาขวาบอด ถูกยิงแล้วโลหิตไหลเต็มใบหน้า ตามแผนที่เกิดเหตุหมาย จ.2 ที่จำเลยนำชี้ จำเลยอยู่ทางด้านซ้ายผู้เสียหายเยื้องกัน กระสุนปืนถูกที่หน้าผากและเบ้าตาขวาแสดงชัดว่าวิถีกระสุนเฉียดเฉียงไปทางส่วนขวาของใบหน้าไม่ถูกด้านตรง กระสุนปืนจึงไม่เจาะลึกเข้าไปภายในศีรษะและใบหน้า ผู้เสียหายจึงไม่ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ตามธรรมดาอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงใช้ประหัตประหารกันให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายและแน่นอนกว่าอาวุธปืน จะสันนิษฐานเอาว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่มีประสิทธิภาพเพราะผู้เสียหายถูกยิงในระยะใกล้ แต่ได้รับอันตรายเพียงบาดเจ็บไม่ถึงแก่ความตายนั้นหาได้ไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าที่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายหาใช่เป็นเพราะปืนไม่มีประสิทธิภาพดังที่จำเลยฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดจำเลยมานั้น ชอบแล้ว

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย มิได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่าจำเลยใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงผู้เสียหายนั้น เห็นว่า ในคดีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นนั้น เมื่อโจทก์บรรยายถึงอาวุธซึ่งจำเลยใช้ในการกระทำผิดว่าเป็นปืน ก็ถือได้ว่าได้กล่าวถึงรายละเอียดที่เกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาดีแล้ว แม้จะมิได้กล่าวว่าเป็นปืนแก๊ปก็ไม่เป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุมดังที่จำเลยฎีกา

พิพากษายืน

Share