แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ บุตรไม่เห็นคนขว้าง แต่ได้กล่าวต่อหน้าคนหลายคนว่า ไม่มีใครนอกจากอ้ายแก้ว (โจทก์) อ้ายชาติหมา อ้ายฉิบหาย ดังนี้ พฤติการณ์ในคดีแสดงว่าไม่มีเจตนาใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่า เห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้น เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุใหญ่ครั้งที่ 35/2503)
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ ๒ ถูกขว้างด้วยก้อนอิฐโดยไม่เห็นคนขว้าง จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตรจำเลยที่ ๒ ก็ไม่เห็นคนขว้างแต่ได้กล่าวต่อหน้าคนหลายคนว่า ไม่มีใครนอกจากอ้ายแก้ว (โจทก์) อ้ายชาติหมา อ้ายฉิบหาย แล้วจำเลยที่ ๒ ได้แจ้งความแก่ตำรวจ จำเลยที่ ๑ ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าเห็นโจทก์เป็นผู้ร้ายใช้ก้อนอิฐขว้างจำเลยที่ ๒
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทใส่ความและแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒, ๑๗๔, ๓๒๖
่คดีสำหรับตัวจำเลยที่ ๑ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อความที่จำเลยที่ ๑ กล่าวไม่ใช่คำยืนยันว่าโจทก์ขว้าง ไม่ใช่มุ่งจะทำลายชื่อเสียง ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความ ส่วนการให้การต่อพนักงานสอบสวนนั้นยังห่างไกลต่อการที่จะทำให้โจทก์ได้รับโทษ คงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามธรรมดาตามมาตรา ๑๗๒ เท่านั้น
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน สำหรับจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า
(๑) คำกล่าวของจำเลยที่ ๑ ไม่เป็นคำหมิ่นประมาทโจทก์เพราะพฤติการณ์ในคดีแสดงว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีเจตนาใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ผิดตามมาตรา ๗๒๖
(๒) การให้การเท็จของจำเลยที่ ๑ ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อประกอบต่อเนื่องกับคำแจ้งความกล่าวหาว่า โจทก์ทำผิดอาญา เป็นการกระทำโดยมีเจตนาแกล้งเพื่อให้โจทก์ต้องรับโทษ มีความผิดตามมาตรา ๑๗๔